กองทัพประสาน ศปภ.เร่งกู้สนามบินดอนเมืองภายใน 4 พ.ย.นี้

กองทัพประสาน ศปภ.เร่งระบายน้ำออกจากกองบัญชาการกองทัพอากาศ และ สนามบินดอนเมือง เพื่อกู้ภาพลักษณ์ของกองทัพไทย ขณะนายกรัฐมนตรีปฏิเสธสาเหตุน้ำไหลเข้านิคมอุตสาหกรรมบางชัน เกิดจากการเปิดประตูน้ำคลองสามวา

ก่อนการประชุมศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยหรือ ศปภ. ที่อาคารเอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ กระทรวงพลังงาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์น้ำที่ทะลักเข้าพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบางชันว่า เป็นน้ำที่มาจากท่อระบายน้ำ ไม่ได้ไหลมาจากประตูระบายน้ำคลองสามวา และยืนยันว่า จะซ่อมแซมประตูระบายน้ำให้แล้วเสร็จภายในคืนนี้ ( 2พ.ย.) แต่นายกรัฐมนตรี ไม่ยืนยันว่าน้ำจะเข้าท่วมพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพฯหรือไม่

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ยืนยันจากข้อมูลของ ศปภ. ทำให้ประเมินภาพรวมของสถานการณ์น้ำจนเชื่อได้ว่าภายในเดือนพฤศจิกายนนี้จะคลี่คลายลง และหลายพื้นที่น่าจะเข้าสู่ภาวะปกติได้ในเดือนธันวาคม พร้อมทั้งขอให้คนกรุงเทพฯอดทนต่อสถานการณ์ และ ไม่ควรทำลายคันกั้นน้ำเพราะจะส่งผลกระทบในวงกว้าง

ส่วนที่ฐานทัพอากาศดอนเมือง พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พร้อม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก และ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำท่วม ก่อนประสานให้ ศปภ.เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ภายในวันศุกร์ที่ 4 พ.ย.นี้ เพราะเกรงจะส่งกระทบต่อภาพลักษณ์ของกองทัพ

และในช่วงบ่าย ศปภ.สรุปว่า สถานการณ์น้ำในกรุงเทพฯแม้จะท่วมบริเวณถนนวิภาวดีรังสิต แต่ยังไม่ท่วมถึงพื้นที่ของสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์ และ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ จึงย้ำในความมั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อที่เก็บเตาปฏิกรณ์ปรมาณูเพื่อการวิจัย พร้อมทั้งยืนยันว่า สถานที่ตั้งอยู่สูงกว่าระดับพื้นถนนวิภาวดีรังสิตถึง 8.70 เมตร อีกทั้งยังถูกเก็บไว้ภายใต้กำแพงซีเมนต์หนากว่า 1 เมตร ขณะเดียวกันได้เก็บตัวอย่างน้ำบริเวณโดยรอบแล้ว แต่ยังไม่พบการปนเปื้อนของสารกัมมันตรังสี ศปภ.จึงชี้แจงเพื่อให้คลายความวิตกกังวล