เช็คเสถียรภาพ
การปรับเปลี่ยนเก้าอี้รัฐมนตรี ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หรือในฐานะหัวหน้า คสช.ที่ก้าวมาถึง "ครม.ประยุทธ์ 3" ไม่ได้เน้นผลลัพธ์ของการบริหารราชการแผ่นดินเพียงแค่จะสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสังคมเท่านั้นแต่ต้องยอมรับว่า การจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีให้กับบุคคลใดและภารกิจไหน ต้องคำนึงถึงเสถียรภาพความมั่นคงของรัฐบาล-คสช.ด้วย
30 สิงหาคม 2557 "ครม.-ประยุทธ์1" เกิดขึ้นพร้อมเสียงเรียกขานว่า ครม.นายพล นั่นเพราะรัฐมนตรี 32 คน มีตำรวจและทหาร รวม 12 คน และแต่ละคนก็ถูกจับตามองถึงความสัมพันธ์ที่มีกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา,พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ 2 เดือนจากนั้น ครม.ประยุทธ์ 2 ซึ่งเป็นที่มาของการเพิ่มรัฐมนตรีอีก 2 คน คือเจตนาของการอุดช่องว่างหรือแก้ปมอ่อน ที่เกี่ยวข้องกับงานด้านเศรษฐกิจในเข้มแข็งขึ้น
ก่อนจะมาเป็น "ครม.ประยุทธ์3" 20 สิงหาคม 2558 รวมมีรัฐมนตรี 34 คน และยังคงมีตำรวจและทหารชุดเดิม โดยไม่ได้นั่งในตำแหน่งเดิม แต่มีการสลับสับเปลี่ยนกระทรวง เพื่อให้เกิดความเหมาะสม พร้อมกับมีนายทหารอีก 2 นายเพิ่มเข้ามา คือ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ที่ได้รับตำแหน่งรมว.แรงงาน และ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ เป็นรมว.พลังงาน
ตำรวจหรือทหาร ตั้งแต่ ครม.ประยุทธ์ 1 ถึง ครม.ประยุทธ์ 3 ต่างก็ถูกจับตามองถึงความสัมพันธ์ที่มีกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา,พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และมีข้อสังเกตว่า รัฐมนตรีนายพลแต่ละนายนั้น ต่างก็มีอุดมการณ์และความเห็นเดียวกัน โดยเฉพาะบทบาทที่มีร่วมกันในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
แม้จะไร้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ทางตรงแต่ก็มีเสียงวิเคราะห์สะท้อนออกมา ว่าการปรับ ครม.นี้ ไม่ได้มีความหมายเพียงแค่การเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถด้านเศรษฐกิจเท่านั้น หากแต่ในเชิงของอำนาจ คสช. ยังคงอยู่ และยังคงอยู่ภายใต้ "เพื่อนพ้องน้องพี่ในกองทัพ" ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ภายใต้สัญลักษณ์ 3 บูรพาพยัคฆ์ พี่ใหญ่ พี่กลางและน้องเล็ก
กดถูกใจหน้าเพจ ThaiPBSNews
https://www.facebook.com/ThaiPBSNews?ref=hl