กทม.แจงกล้องวงจรปิดแยกราชประสงค์เสีย 4 ตัว ไม่กระทบจับผู้ก่อเหตุวางระเบิด
วันนี้ (25 ส.ค.2558) พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่ปรึกษาผู้ว่ากรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยนายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง และนางเบญทราย กียปัจจ์ รองโฆษกกรุงเทพมหานคร ชี้แจงกรณีกระแสข่าวที่ประชาชนและสื่อนำเสนอข่าวการทำงานของกล้อง CCTV ที่ไม่มีมาตรฐานเพียงพอจนทำให้ไม่สามารถหาเบาะแสของผู้ก่อเหตุวางระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ได้ โดยยืนยันว่า บริเวณโดยรอบจุดเกิดเหตุมีกล้องวงจรปิดทั้งหมด 107 ตัวใช้งานไม่ได้เพียง 4 ตัวเท่านั้น ได้แก่ บริเวณกลางแยกราชประสงค์ 1 ตัว สีลม บริเวณโรงเรียนคอนแวนซ์ 1 ตัว และบริเวณแยกนราธิวาสอีก 2 ตัว ซึ่งส่วนบริเวณราชประสงค์จุดเดียวมีทั้งหมด 19 ตัว
ดังนั้นกล้องวงจรปิดที่ชำรุดจำนวน 4 ตัวจึงไม่ใช่สาระสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อการจับผู้ก่อเหตุถึงขั้นที่จับตัวไม่ได้ เนื่องจากต้องเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องใช้พยานหลักฐาน พยานแวดล้อม พยานบุคคลประกอบของการทำคดี
ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยืนยันด้วยว่า กล้อง CCTV ของ กทม. มีประสิทธิภาพคุณภาพอยู่ในอันดับต้น ๆ ของโลก แต่หากภาพจะออกมาไม่ชัดก็ขึ้นอยู่กับระยะ และมุมในการติดตั้ง ที่ผ่านมาหลังเกิดเหตุได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ความมั่นคงทั้งหมด 48 ครั้ง เพื่อนำภาพไปใช้ในเรื่องทางคดี ซึ่ง กทม.ให้ความร่วมมือทุกครั้ง
ส่วนกรณีที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สั่งการให้ กทม.ตรวจสอบการใช้งานของกล้อง CCTV ของ กทม.นั้น เชื่อว่า เป็นความห่วงใยบ้านเมืองในฐานะผู้บังคับบัญชาตามหลักการคงไม่ใช่การจับผิดการทำงานของ กทม.แต่อย่างใด และดำเนินการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว
ด้านนายทวีศักดิ์ เลิศประพนธ์ ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง ระบุว่า ปกติกล้อง CCTV ของกทม.จะต้องซ่อมบำรุง ตรวจสภาพการใช้งานทุก 15วัน และดำเนินการเสร็จสิ้นภายใน 1 วัน ซึ่งกล้อง CCTV แต่ละตัวจะมีอายุการใช้งานยาวนาน 6 ปี ขณะนี้ทั่ว กทม. ติดตั้งกล้อง CCTV ทั้งสิ้น 41,000ตัว และยังมีกล้องที่ติดตั้งใหม่เพิ่มเติม อยู่ระหว่างการบรรจบกระแสไฟฟ้าอีกจำนวนกว่า 2,000 ตัว