กรมชลประทานคาดสถานการณ์น้ำฝั่งตะวันตก จะเริ่มคลี่คลายใน 7 วัน

 

โดยขณะนี้ทั้งในส่วนของการจัดหากระสอบทรายเพื่อเสริมแนวคันกั้นน้ำ และ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เพื่อฟื้นฟูพื้นที่น้ำท่วมขังฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตอำเภอบางบัวทอง บางกรวย บางใหญ่ และ อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี ซึ่งขณะนี้กรมชลประทานได้ดำเนินการฟื้นฟูชุมชน บริเวณตลาดบางบัวทอง และ เทศบาลบางกรวย ด้วยการซ่อมแนวพนังที่เสียหาย และติดตั้งเครื่องสูบน้ำระบายออกจากพื้นที่แล้ว และคาดว่าสถานการณ์น้ำในพื้นที่ชุมชนดังกล่าวจะเข้าสู่ภาวะปกติ ภายใน 7 วัน

 

ทั้งนี้ในการสูบน้ำออกจากพื้นที่ชุมชนนั้น จะต้องมองสภาพพื้นที่ในภาพรวม และต้องวางแผนงานการกู้ให้สอดคล้องและสัมพันธ์กัน ตามสภาพพื้นที่และการไหลของทิศทางน้ำในลำคลองธรรมชาติอีกด้วย โดยไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ใกล้เคียง ต่อจากนั้นจะร่วมกับหน่วยงานส่วนท้องถิ่น เข้าดำเนินการในพื้นที่อำเภอบางใหญ่ และอำเภอไทรน้อย เพื่อให้ประชาชนกลับเข้าบ้านได้ให้เร็วที่สุด

 

ขณะที่กรมชลประทานเร่งกู้สถานการณ์ที่นนทบุรีน้ำฝั่งตะวันตกของ กทม. โดยเฉพาะพื้นที่ชุมชนลุ่มต่ำบนถนนเพชรเกษม ชาวบ้านในหมู่บ้านเศรษฐกิจ ถนนเพชรเกษม ยังคงเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาน้ำท่วมขัง ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องนานนับเดือน ซึ่งขณะนี้ น้ำสูงถึง 50 เซนติเมตร บางจุดสูงตั้ประมาณ 1 เมตร

 

สำหรับการดำเนินการของ กทม. แพทย์หญิงมาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ประชุมติดตามสถานการณ์น้ำและการแก้ไขในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยที่ประชุมเห็นชอบแผนยุทธศาสตร์ฟื้นฟู เยียวยา ป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยกรุงเทพมหานคร วางระบบบริหารจัดการน้ำท่วม และลดความสูญเสียของ กทม.ในอนาคต แบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ มาตราการระยะสั้น 90 วัน มาตรการระยะปานกลาง 1 ปี และมาตรการระยะยาวมากกว่า 1 ปี โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการรองรับ พร้อมกำหนดกิจกรรมและระยะเวลาในการดำเนินงาน

 

ส่วนที่ฝั่งเหนือของแม่น้ำเจ้าพระยาสถานการณ์น้ำเขตดอนเมือง ระดับน้ำถนนสรงประภา ถนนโกสุมรวมใจ และถนนช่างอากาศอุทิศ ลดลงแล้ว แต่น้ำที่ยังท่วมขังในหมู่บ้านและชุมชนทางเข้าหมู่บ้านย่านดอนเมือง ยังสูงกว่า 50 เซนติเมตร เช่นเดียวกับหมู่บ้านที่อยู่ย่านดอนเมืองฝั่งวิภาวดีรังสิตขาเข้า เลยฐานทัพอากาศ น้ำยังท่วมสูง ชาวบ้านกลับที่พักอาศัยไม่ได้

 

ขณะที่ระดับน้ำในคลองเปรมประชากรยังเอ่อล้นคันคลอง เป็นปัญหาในการระบายน้ำท่วมขังออกจากพื้นที่เขตดอนเมือง ซึ่งชาวบ้านเรียกร้องให้ กทม.เปิดประตูระบายน้ำ เนื่องจากน้ำท่วมขังนานกว่า 1 เดือน แต่มีรายงานว่า ขณะนี้ กทม. สั่งการให้เปิดประตูระบายน้ำคลอง 2 เพิ่มขึ้นจาก 1.20 เมตร 20  เป็น 1.50 เมตร และเปิดประตูระบายน้ำคลองแสนแสบตอนมีนบุรีจาก 1เมตรเป็น 1.30 เมตร เพื่อช่วยเร่งระบายน้ำพื้นที่ทางเหนือของกทม.ได้เร็วกว่าเดิม

 

ส่วนปัญหาการเปิดประตูระบายน้ำคลองพระยาสุเรนทร์ซึ่งด้านบนของประตูเป็นพื้นที่อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ผันต่อมายังคลอง 6 วา สายล่าง ก่อนจะไหลต่อมาที่ประตูระบายน้ำพระยาสุเรนทร์ ส่วนพื้นที่หลังประตูระบายน้ำคือพื้นที่เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร ซึ่งล่าสุด ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครลงพื้นที่ตรวจสอบผลกระทบการเปิดประตูระบายคลองพระยาสุเรนทร์ช่วงวัดหนองใหญ่ เขตสายไหม หลังชาวบ้านรวมตัวเปิดประตูระบายน้ำ โดยอ้างได้รับหนังสือคำสั่งจากทาง ศปภ.ให้กทม.เปิดที่ระดับ 1.50 เมตรส่งผลให้พื้นที่หลังประตูระบายน้ำระดับน้ำเพิ่มขึ้น 3 เซนติเมตร แต่ขณะนี้ กทม. ได้สั่งลดระดับประตูระบายน้ำดังกล่าวที่ระดับ 1 เมตรเท่าเดิมแล้ว

 

ด้านนายวสันต์ มีวงษ์ โฆษกกรุงเทพมหานคร บอกว่า ขณะนี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มอบให้ทีมกฎหมายของ กทม.รวบรวมเอกสารหลักฐานและข้อมูลเพื่อเตรียมดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทกับ พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัฐ ข้าราชการการเมือง ประจำสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เนื่องจากก่อนหน้าที่พันตำรวจตรีเสงี่ยม ได้เข้าแจ้งความกับสถานีตำรวจนครบาลสายไหม โดยระบุว่า กทม.ฝ่าฝืนคำสั่งของนายกรัฐมนตรีที่ให้เปิดประตูระบายน้ำคลองพระยาสุเรนทร์ ที่ระดับ 1 เมตร แต่ กทม. เปิดเพียง 80 เซนติเมตร นอกจากนี้ยังระบุว่า กทม. ตั้งใจให้น้ำท่วมขังพื้นที่ปริมณฑลให้นานที่สุด

 

ซึ่งกรณีนี้ นายวสันต์ ยืนยันว่า การบริหารจัดการน้ำของ กทม. เป็นไปตามคำสั่งของ ศปภ. ไม่เคยขัดคำสั่ง นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ใช้หลักเหตุผลในการเปิดปิดประตูระบายน้ำ โดยไม่มีเงื่อนไขทางการเมืองเข้ามาแทรกแซง พร้อมกันนี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แสดงความเป็นห่ว่าพฤติกรรมของตำรวจตรีคนดังกล่าว จะทำให้ภาพพจน์ของ ศปภ. และกทม. เสียหายได้