รมว.คมนาคมสั่งรื้อแนวบิ๊กแบ็กภายใน 1-2 วัน

รมว.คมนาคมยืนยันถึงการรื้อแนวบิ๊กแบ็กภายใน 1-2 วันนี้ เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมเริ่มคลี่คลายแล้ว

ความคืบหน้าในการรื้อแนวกระสอบทรายขนาดใหญ่ หรือบิ๊กแบ็กนั้น พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม ระบุว่า ได้สั่งให้กรมทางหลวงร่วมกับหน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการภายใน 1-2 วัน ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหาในการเปิดแนวบิ๊กแบ็ก หลังจากสถานการณ์น้ำได้ลดลงแล้ว โดยการรื้อจะเป็นไปตามที่เคยวางแนวกระสอบทรายขนาดใหญ่ไว้บริเวณเส้นทางของรางรถไฟ บนถนนวิภาวดีรังสิตขาออก

ขณะที่นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เลขานุการคณะกรรมการบริหารจัดการระบายน้ำในพื้นที่ที่เกิดสาธารณภัยร้ายแรง ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) กล่าวถึงภาพรวมน้ำฝั่งตะวันออกเริ่มคลี่คลายลงแล้ว เหลือเพียงการแก้ไขปัญหาระดับพื้นที่ ซึ่ง ศปภ.มีหน้าที่สนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์ คาดว่าในวันที่ 5 ธ.ค.นี้ พื้นที่ทางฝั่งตะวันออกส่วนใหญ่จะกลับเข้าสู่ภาวะการฟื้นฟูได้ ส่วนด้านฝั่งตะวันตก ทางกรมชลประทานจะทำหน้าที่ดูแลสถานการณ์น้ำในภาพรวม โดยพื้นที่ที่ยังมีปัญหาคืออำเภอบางบัวทองและอำเภอบางใหญ่ แต่เชื่อว่าจะมีการระบายน้ำลงระบบคูคลองได้ โดยใช้เวลาประมาณ 10 วัน

นายธงทอง จันทรางศุ โฆษก ศปภ. ยืนยันว่า จะยังไม้มีการปิดศูนย์ ศปภ.ในขณะนี้ เนื่องจากภารกิจยังไม่เสร็จสิ้น แต่ยอมรับว่ามีบางหน่วยงานที่ย้ายกลับไปต้นสังกัด หลังสถานการณ์น้ำไม่รุนแรง พร้อมยืนยันว่า การทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกส่วนราชการยังคงประสานงานกับทาง ศปภ.ตลอดเวลา  โดย ศปภ.จะไม่ทอดทิ้งประชาชนอย่างแน่นอน

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยสรุปพื้นที่ประสบภัยพิบัติใน 2 พื้นที่ คือ ประเทศไทยตอนบน 15 จังหวัด และภาคใต้ 6 จังหวัด รวม 21 จังหวัด มีจังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้วและอยู่ระหว่างฟื้นฟู 50 จังหวัด มียอดผู้เสียชีวิตรวม 666 คน โดยมีสาเหตุจากจมน้ำและไฟฟ้าดูดมากที่สุด ทั้งนี้จังหวัดพระนครศรีอยุธยามีผู้เสียชีวิตมากที่สุดรวม 139 คน รองลงมาเป็นจังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดลพบุรี จังหวัดพิจิตร และจังหวัดสุพรรณบุรี ตามลำดับ ส่วนยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัยในจังหวัดภาคใต้ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพัทลุง จังหวัดสงขลา จังหวัดยะลา และจังหวัดนราธิวาส รวมปัจจุบันมี 9 คน