ศาลอุทธรณ์นัดอ่านคำพิพากษาคดีฆาตกรรม ด.ญ.13 ปี บนรถไฟ พรุ่งนี้
กลางดึกวันที่ 5 ก.ค. ปีที่ 2557 เด็กหญิงอายุ 13 ปี พร้อมญาติอีก 2 คน นั่งรถไฟสายนครศรีธรรมราช - กรุงเทพมหานคร เข้ากรุงเทพมหานคร เธอและพี่สาวโดยสารในตู้โบกี้นอนที่เตียงชั้นล่างเมื่อรถไฟถึงจุดหมาย เด็กหญิงหายไป ญาติและครอบครัวจึงตามหาและเข้าแจ้งความ พร้อมร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน หลังแจ้งความตำรวจได้เรียกพนักงานบนรถไฟขบวนดังกล่าวสอบ แต่ยังไม่มีเบาะแส
กระทั่งผ่านมา 2 วันชุดสืบสวนได้เบาะแสผู้นำโทรศัพท์ของผู้สูญหายไปขายจึงติดตามตัวนายวันชัย แสงขาว และนายณัฐกรณ์ ชำนาญ พนักงานที่ทำหน้าที่ปูเตียงในโบกี้รถไฟมาสอบปากคำ ซึ่งทั้ง 2 คนรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันทำร้ายร่างกายเด็กหญิงและโยนร่างลงจากรถไฟ ในเวลาไล่เลี่ยกัน เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ลาดตระเวนตรวจสอบตลอดเส้นทางรถไฟ ก็พบศพเด็กหญิง ที่ริมทางรถไฟ ในเขตจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
นายวันชัย รับสารภาพว่าก่อเหตุ เพราะเสพยาเสพติดก่อนมาทำงาน หลังเห็นเด็กหญิงจึงเกิดความใคร่จึงอาศัยเวลาที่ทุกคนหลับเข้ามาก่อเหตุบนที่นอน
คดีนี้อัยการจังหวัดหัวหินตรวจสอบพยานหลักฐานไม่นาน ก็นำส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดหัวหินและศาลใช้เวลาเพียง 15 วัน ตรวจพยานหลักฐานพร้อมนัดสืบพยานทั้ง 2 ฝ่ายรวม 29 คน นายวันชัย ถูกสั่งฟ้อง 5 ข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดของตนเองเพื่อเลี่ยงความผิดที่ได้กระทำไว้ , กระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนบนยวดยานสาธารณะ , ซ่อนเร่น ย้าย หรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตาย และเสพยาเสพติดให้โทษ ส่วนนายณัฐกรณ์ ถูกสั่งฟ้อง ข้อหาสนับสนุนให้ข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุ ไม่เกิน 15 ปี
จากนั้นอีก 2 เดือน ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษา ตัดสินให้ประหารชีวิตกับนายวันชัย แม้ว่านายวันชัยจะรับสารภาพ แต่ศาลเห็นว่ารับสารภาพเนื่องจากจำนนต่อพยานหลักฐาน และเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยม ส่วนนายณัฐกรณ์ ที่ร่วมเป็นผู้ก่อเหตุกับนายวันชัย และให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนแต่ให้การปฏิเสธในชั้นศาล ศาลเห็นว่านายวันชัยมีความผิดตามฟ้อง จึงพิพากษาจำคุก 6 ปี แต่ให้การเป็นประโยชน์ในชั้นสอบสวนจึงลดโทษให้คงจำคุก 4 ปี
และวันพรุ่งนี้ (14 ก.ย.2558) ศาลอุทธรณ์ภาค 7 นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยที่นายวันชัย ได้ยื่นขออุทธรณ์ขอให้บรรเทาโทษประหารชีวิตของศาลชั้นต้น โดยอ้างว่ามีภาระต้องช่วยเหลือครอบครัว และสำนึกผิดกับการกระทำดังกล่าวที่เกิดจากความโง่เขลาเบาปัญญา อายุยังน้อยมีความคึกคะนอง ขาดความยั้งคิด อีกทั้งในระหว่างพิจารณาคดีรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาทำให้เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี
ขณะที่ทนายฝ่ายโจทก์ร่วมคือครอบครัวผู้เสียชีวิตก็ยื่นหนังสือให้ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ให้พิจารณาคดียืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษสถานหนัก ส่วนนายณัฐกรณ์ผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุไม่ได้ยื่นอุทธรณ์คดี และพร้อมรับคำตัดสินของศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้จำคุก 4 ปี