ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

วอนวงการกีฬาให้ความทัดเทียมนักกีฬาคนพิการเหมือนนักกีฬาปกติ

กีฬา
16 ก.ย. 58
07:39
267
Logo Thai PBS
วอนวงการกีฬาให้ความทัดเทียมนักกีฬาคนพิการเหมือนนักกีฬาปกติ

นักกีฬาแบดมินตันคนพิการทีมชาติไทยชุดคว้า 2 เหรียญทองชิงแชมป์โลกที่ประเทศอังกฤษ ยืนยันว่าพร้อมจะทำหน้าที่เพื่อชาติต่อไปแม้จะไม่ได้รับเงินอัดฉีดก็ตาม ขณะที่ผู้ฝึกสอนวอนทุกฝ่ายในวงการกีฬาให้ความทัดเทียมนักกีฬาคนพิการเช่นเดียวกับนักกีฬาปกติ

นักแบดมินตันคนพิการทีมชาติเดินทางถึงไทยเมื่อคืนที่ผ่านมา (15 ก.ย.2558) โดยมีญาติรอต้อนรับอย่างอบอุ่น หลังจากช่วยกันทำผลงานคว้า 2 เหรียญทองจากประเภทวีลแชร์หญิงเดี่ยวและวีลแชร์หญิงคู่ รวมทั้ง 1 เหรียญเงินจากวีลแชร์คู่ผสมและ 4 เหรียญทองแดงจากหญิงคู่พิการขา, วีลแชร์ชายเดี่ยว, วีลแชร์คู่ผสมและประเภทคนแคระ ในการแข่งขันแบดมินตันคนพิการชิงแชมป์โลก 2015 จากประเทศอังกฤษ

อำนวย เวชวิฐาน เจ้าของ 2 เหรียญทองได้ขอบคุณทุกฝ่ายที่ทำให้นักกีฬาแบดมินตันคนพิการทีมชาติไทยได้ไปแข่งขันจนประสบความสำเร็จในครั้งนี้ ส่วนเรื่องเงินอัดฉีดต้องรอการพิจารณาต่อไปเนื่องจากไม่อยู่ในระเบียบของ กกท.

ขณะที่โค้ชกิตติพล สิงห์เทียน ผู้ฝึกสอนแบดมินตันคนพิการทีมชาติไทย แสดงความชื่นชมนักกีฬาทุกคนที่มีความอดทนและพยายามจนสามารถเอาชนะคู่แข่งจากทั่วโลกและคว้าเหรียญรางวัลได้สำเร็จ แม้การแข่งขันรายการนี้จะไม่มีเงินอัดฉีดก็ตาม ซึ่งในฐานะผู้ฝึกสอนทำได้เพียงการให้กำลังใจ และแสดงความเห็นใจ โดยหากเป็นไปได้อยากให้ทุกฝ่ายในวงการกีฬาให้ความทัดเทียมนักกีฬาคนพิการเช่นเดียวกับนักกีฬาปกติ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจ

"นักกีฬาทุกคนมีความลำบากในการเล่น โดยเฉพาะกีฬาคนพิการ ซึ่งการแข่งขันต้องแข่งหลายรอบกว่าจะได้หนึ่งเหรียญ บางคนแข่ง 6-7 รอบ เพราะฉะนั้นนักกีฬาต้องให้พละกำลังมากและเตรียมตัวมาก นักกีฬาทุกคนก็อยากได้เงินอัดฉีด ถ้าผู้ใหญ่เห็นว่าอยากส่งเสริมพวกเราก็ขอให้พิจารณา เพราะจะทำให้นักกีฬามีกำลังใจและทำผลงานให้ดียิ่งขึ้นไป" โค้ชกิตติพล กล่าว

ส่วนเงินอัดฉีดที่นักกีฬาคนพิการจะได้รับจากกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ ตามระเบียบมีเพียงการแข่งขันอาเซี่ยนพาราเกมส์, เอเชี่ยนพาราเกมส์และพาราลิมปิกเกมส์เท่านั้น ขณะที่รายการอื่นๆ รวมทั้งรายการชิงแชมป์โลก นักกีฬาคนพิการจะไม่ได้รับเงินอัดฉีด สำหรับรายการต่อไป นักแบดมินตันคนพิการมีคิวแข่งขันกีฬาอาเซี่ยนพาราเกมส์ที่ประเทศสิงคโปร์ในเดือนธันวาคม 2558


ข่าวที่เกี่ยวข้อง