นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นผู้เข้าร่วมงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 29 จังหวัดระยอง ระหว่างวันที่ 10-11 ธันวาคม 2554 จากผู้เข้าร่วม 420 ราย ในประเด็นมุมมองต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน พบว่า เอกชนกว่า 70% เห็นว่าปัญหาต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2555 คือสถานการณ์การเมือง และความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ รองลงมาคือปัญหาคอร์รัปชั่น ปัญหาน้ำท่วม และภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ส่วนใหญ่ 36.2% คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 3-4% และ 30.8% จะขยายตัวได้ 4-5%
ทั้งนี้ เอกชนเห็นว่าปัญหาน้ำท่วมได้กระทบมากธุรกิจไทยโดยรวม เศรษฐกิจประเทศ การใช้จ่ายของประชาชนในจังหวัดและในประเทศ รวมถึงการเพิ่มหนี้สินทั้งในระบบและนอกระบบ โดยเอกชนส่วนใหญ่ 96% ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม และ 45% เห็นว่ากว่าธุรกิจจะฟื้นตัวจะใช้เวลา 4-6 เดือน โดยเป็นสิ่งที่รัฐบาลควรดำเนินหลังน้ำท่วม คือสร้างความเชื่อมั่นต่อการจัดการบริหารน้ำ ฟื้นฟูอุตสาหกรรม การเกษตร แก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างเร่งด่วน และ เร่งจ่ายชดเชย เอกชน 67% เห็นว่านโยบายช่วยเหลือผู้ประกอบการประสบภัยน้ำท่วมของรัฐยังไม่เพียงพอ และยังพอใจต่อนโยบายในระดับปานกลาง ถึงน้อย
“ ภาคเอกชน 31% เชื่อว่าเศรษฐกิจประเทศจะสู่ภาวะปกติในไตรมาส 3 ปี 2555 และนโยบายรัฐที่ออกมาจะช่วยฟื้นภาวะเศรษฐกิจเป็นรูปธรรมในไตรมาส 2/ 2555 โดย เอกชน 58.8% ไม่เห็นด้วยที่จะมีการจัดเก็บภาษีน้ำท่วม แต่ 41.2% เห็นว่าควรจัดเก็บ และ 60% เห็นว่าควรจัดเก็บทุกพื้นที่ ในจำนวนนี้ 42.3% ยินดีจ่ายเงินและจ่ายได้เกิน 2,000 บาท/ปี และ 77.3% เห็นว่าคุ้มค่าต่อเศรษฐกิจหากมีการลงทุนขนาดใหญ่ในการจัดการน้ำ โดยเน้นการลงทุนทางระบายน้ำ กักเก็บน้ำเพื่อการเกษตร และเส้นทางขนส่งทางน้ำ และสิ่งที่รัฐบาลควรดำเนินการคือจ่ายชดเชยโดยเร็ว ออกมาตรการช่วยธุรกิจเอสเอ็มอี สร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุน ลดภาษีให้ผู้ประสบอุทกภัย และฟื้นฟูเกษตรควบกับอุตสาหกรรม “
นางเสาวณีย์ กล่าวว่าผลสำรวจต่อประเด็นแผนการลดความเลื่อมล้ำ เอกชนส่วนใหญ่เห็นว่าแย่ลง ทั้งความเป็นอยู่ของคนในประเทศ รายได้คนในประเทศ รายได้ไม่เพียงพอรายจ่าย ปัญหาหนี้นอกระบบ ความยากจนมากขึ้น ความแตกต่างคนจนกับคนรวยเพิ่ม และปัญหาคอร์รัปชั่นมากขึ้น ที่ดีขึ้นมีเพียงความเอื้อเฟื้อของคนในสังคมไทย เอกชนกว่า 76 % เห็นว่าความเหลื่อมล้ำในสังคมมีมาก โดยรัฐควรเป็นหลักในการแก้ปัญหา สำหรับผลสำรวจต่อปัญหาคอร์รัปชั่น 60.4% เห็นว่าเพิ่มขึ้นมาก และ 77% เห็นว่าทุจริตคอร์รัปชั่นมีผลกระทบต่อการดำเนินการทางธุรกิจ และ 67.6% เห็นว่าภายใน 1 ปีต้องแก้ไขอย่างจริงไม่อย่างนั้นจะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเอกชนระบุว่าหากพบทุจริตจะแจ้งหน่งยงานปราบปราม มากกว่าร้องเรียนผู้บังคับบัญชา แต่ก็มี 11.2% ระบุว่าจะเฉยๆไม่ทำอะไร เพราะ 85% เห็นว่าแจ้งไปก็ไม่ได้ผล และ 15.4% กลัวเดือดร้อน
“ภาคเอกชน 80% เชื่อว่าจะมีการคอร์รัปชั่นงบประมาณเพื่อการฟื้นฟูประเทศหลังน้ำท่วม และคอร์รัปชั่นมากในเรื่องการซ่อมแซมถนน/สะพาน ความช่วยเหลือด้านต่างๆ และซื้ออุปกรณ์เสียหายของรัฐเอง แต่ 70% เห็นว่าภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่นของภาคเอกชนจะช่วยแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นได้มากถึงปานกลาง แต่ระดับจังหวัดจะขับเคลื่อนได้ระดับปานกลาง และช่วยได้มากในแง่กระตุ้นการลดพฤติกรรมและสร้างค่านิยมลดคอร์รัปชั่น โดยเอกชน 32% เชื่อว่าการขจัดคอร์รัปชั่นจะเห็นผลภายใน 6-10 ปีข้างหน้า ขณะที่อีก 21% ไม่แน่ใจ “ นางเสาวณีย์ กล่าว