ผลประชุมจีบีซีตั้งคณะทำงาน 2 ฝ่ายหาข้อยุติปฏิบัติตามคำสั่งศาลโลก

ที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชามีมติตั้งคณะทำงานสองฝ่ายขึ้นมาพิจารณาศึกษารายละเอียด และ หาข้อยุติในการปฎิบัติตามคำสั่งของศาลโลก รวมถึงพิจารณาระยะเวลาในการปรับกำลังทหารออกจากพื้นที่

ข้อสรุปเบื้องต้นในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา หรือ จีบีซี ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไทย และผู้บัญชาการเหล่าทัพ ประชุมร่วมกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้ใช้เวลาหารือนอกรอบนานกว่า 7 ชั่วโมง ก่อนมีมติให้ตั้งคณะทำงานร่วมกันสองฝ่ายไทย-กัมพูชาขึ้นเพื่อศึกษารายละเอียดของการปฏิบัติตามคำสั่งของศาลโลก เนื่องจากยังมีประเด็นโต้เถียงกรณีการปรับกำลังทหารที่ฝ่ายไทยต้องการให้บรรจุข้อความว่า ขั้นตอนการทำงานและระเบียบกฎหมายของไทยที่จะปรับกำลังทหารจะขึ้นอยู่กับการเมืองภายในของไทย โดยเฉพาะการนำเรื่องเข้าพิจารณาในคณะรัฐมนตรีผ่านความเห็นชอบ และ เสนอเข้าที่ประชุมรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ซึ่งประเด็นข้อความดังกล่าวฝ่ายกัมพูชาไม่ประสงค์ให้ระบุไว้

ส่วนกรณีการให้ผู้สังเกตการณ์เข้ามาในพื้นที่ฝ่ายกัมพูชาได้ตกลงตามที่ฝ่ายไทยต้องการให้ผู้สังเกตการณ์ประกอบด้วยตัวแทนจากไทย กัมพูชา และ อินโดนีเซีย ฝ่ายละ 9 คน รวม 27 คน เข้าร่วมเป็นผู้สังเกตการณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้กัมพูชาต้องการให้มีเฉพาะผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซีย 30 คน และ ให้ทหารทั้งสองฝ่ายเก็บกู้กับระเบิดร่วมกันในพื้นที่ปลอดทหาร

สำหรับคณะทำงานสองฝ่ายที่ตั้งขึ้นจะมีการประชุมหารือเพื่อหาข้อสรุปตามคำสั่งศาลโลกอีกครั้งในประเทศไทย แต่ยังไม่มีการกำหนดวันประชุม และ กำหนดระยะเวลาเงื่อนไขการปรับกำลังทหาร

ทั้งนี้คำสั่งศาลโลก5 ข้อ ประกอบด้วยการปรับกำลังทหารของทั้ง 2 ฝ่าย ที่ประจำการในพื้นที่เขตปลอดทหาร 17.3 ตารางกิโลเมตร รายละเอียดในการเข้าปฏิบัติงานของผู้สังเกตการณ์จากประเทศอินโดนีเซีย ไทย และกัมพูชา ฝ่ายละ 9 คน จุดตรวจร่วม 3 จุด ประกอบด้วย ประตูเหล็ก เขาช่องบันไดหัก และ วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ การจัดระเบียบวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ตลาด และชุมชนโดยรอบปราสาทพระวิหาร และการออกหลักเกณฑ์ในการเข้า - ออกพื้นที่ปราสาทพระวิหารของเจ้าหน้าที่องค์การยูเนสโก