นายสมชัย สวัสดิผล ผู้อำนวยการสนามบินสุวรรณภูมิ สั่งให้เจ้าหน้าที่รายงานเหตุการณ์ ข้าราชการซี 7 ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ขณะขอตรวจค้น พร้อมยืนยัน แผนรักษาความปลอดภัยของสนามบินในสังกัด บริษัท ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) ทุกแห่งเป็นไปตามมาตรฐานที่ ทอท. กำหนดไว้ และ ยังต้องทำตามมาตรฐาน บริษัทที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยสนามบิน (ISI.) ประเทศสหรัฐอเมริกากำหนดด้วย
นายสมชัย ยอมรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการทำร้ายร่างกายกันในสนามบิน และอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ ซึ่ง ทอท.จะดูว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น กระทบต่อภาพลักษณ์องค์กรมากน้อยแค่ไหน และแก้ไขได้อย่างไร พร้อมชี้แจงขั้นตอนการเข้ารับการตรวจค้น ณ จุดตรวจค้นผู้โดยสาร ของฝ่ายรักษาความปลอดภัยของสนามบินสุวรรณภูมิ ที่จุดเอ็กซเรย์ผู้โดยสารทุกคนต้องตรวจสัมภาระ และแยกประเภท โลหะ เสื้อคลุม คอมพิวเตอร์ แยกตรวจในถาดสัมภาระที่จัดไว้ให้
ระหว่างการตรวจผู้โดยสารอาจถูกขอให้ถอดเข็มขัดและรองเท้า เพื่อตรวจในเครื่องเอกซเรย์ หากไม่มีสัญญาณเตือน ก็สามารถรับสัมภาระได้ แต่หากมีสัญญาณเตือน เจ้าหน้าที่จะเชิญผู้โดยสารไปจุดที่จัดไว้ เพื่อตรวจร่างกาย และหากเจ้าหน้าที่ใช้เครื่องตรวจจับโลหะชนิดมือถือ ตรวจสอบทั่วทั้งร่างกายผู้โดยสารแล้ว เกิดสัญญาณเตือนบริเวณใด เจ้าหน้าที่จะขอให้ผู้โดยสารนำวัตถุที่เป็นสาเหตุของเสียงสัญญาณนั้นออกมา ให้เจ้าหน้าที่ตรวจ แต่หากผู้โดยสารปฎิเสธการตรวจค้น และปฎิเสธที่จะปฎิบัติตามมาตการรักษาความปลอดภัย ทางสนามบินก็สามารถสงวนสิทธิ์ไม่อนุญาตให้ผู้โดยสาร ผ่านจุดตรวจค้น เพื่อเข้าสู่ท่าอากาศยานได้เช่นกัน
ขณะที่นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมศุลกากร ตรวจสอบภาพที่ปรากฎเป็นข่าว และรายงานต่อ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมช.การคลังทันที พร้อมระบุมีคำสั่งย้ายข้าราชการซี 7 บุคคลในภาพ และตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงรายงานใน 30 วัน ยอมรับว่า เรื่องที่เกิดขึ้นสร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์องค์กร หลังจากนี้จะรอผลการสอบสวน ซึ่งหากพบความผิดจะลงโทษทางวินัยที่มีโทษตั้งแต่ภาคทัณฑ์ถึงไล่ออก
ด้าน พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมต.คมนาคม ยืนยันมาตรฐานการตรวจความปลอดภัยสนามบินทุกแห่งในประเทศไทย มีความเข้มงวดและทุกคนต้องปฎิบัติตามขั้นตอน ไม่มีการยกเว้น