ในงานสัมมนาวิเคราะห์ร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การโอนหนี้กองทุนฟื้นฟู ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ อดีต รมว.คลัง กล่าวเห็นด้วยกับร่าง พ.ร.ก.ดังกล่าว เพื่อมาบริหารจัดการหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ที่มีการตัดมาตรา 7 (3) ซึ่งมีข้อบกพร่องออกไป ทำให้ไม่ต้องโอนหนี้ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรับผิดชอบทั้งหมด
ขณะเดียวกันยังเปิดช่องให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเก็บเงินเพิ่มค่าธรรมเนียมจากสถาบันการเงินได้อีก จากร้อยละ 0.4 เป็นร้อยละ 1.0 ส่วนการที่สถาบันการเงินจะผลักภาระให้ประชาชนนั้น ต้องออกกฎเกณฑ์ควบคุมให้ชัดเจนว่าจะเพิ่มในอัตราเท่าไร แต่ก็เห็นว่าไม่จำเป็นต้องเพิ่มถึงร้อยละ 0.6
ส่วนระยะเวลาที่รัฐบาลตั้งไว้ที่ 25 ปีในการบริหารหนี้ก้อนนี้หมด ก็มีความเป็นไปได้ หากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นร้อยละ 3
ขณะที่ช่วงค่ำวันนี้ (12 ม.ค.) ธนาคารแห่งประเทศไทยเตรียมหารือสมาคมธนาคารไทย กรณีการขยายการเก็บเงินนำส่งเพิ่มจากสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ที่เรียกเก็บจากธนาคารพาณิชย์ จากเดิมเก็บในอัตราร้อยละ 0.4 ซึ่งคาดว่าจะได้เงินส่วนนี้เพิ่มเป็น 36,000 ล้านบาท ทั้งนี้จะรับฟังความคิดเห็นเพื่อหาข้อสรุป ก่อนหารือกับ รมว.คลัง นอกจากนี้จะมีการขอไม่ให้สถาบันการเงินผลักภาระให้กับประชาชน เนื่องจากได้รับผลประโยชน์จากการลดภาษีนิติบุคคล จากร้อยละ 30 เหลือร้อยละ 23 ภายในปีนี้อยู่แล้ว
