นายพิชัย นริพทะพันธ์ รมว.พลังงาน ลุกขึ้นชี้แจงกระทู้ถามของ ส.ว. กรณีการปรับโครงสร้างราคาพลังงานธรรมชาติ คือ ก๊าซ NGV และก๊าซ LPG โดยยืนยันว่า การดำเนินการเป็นไปตามต้นทุนที่แท้จริง โดยเฉพาะก๊าซ NGV ซึ่งที่ผ่านมา บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ต้องแบกรับภาระขาดทุนมาอย่างต่อเนื่องนานกว่า 10 ปี ขณะที่ ปตท.ไม่สามารถที่จะแบกรับภาระต่อไปได้ จึงต้องวางโครงสร้างราคาตามกลไกตลาด พร้อมกล่าวย้ำว่า การดำเนินการของรัฐบาลได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ทั้งเงื่อนไขของต้นทุน การเทียบเคียงตลาดโลก และประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อกำหนดราคาที่เหมาะสม
ส่วนการปรับราคาก๊าซ LPG ที่ต้องปรับขึ้นให้เท่ากับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อแก้ปัญหาการลักลอบขนก๊าซข้ามชาติ ขณะที่เดียวกัน นายพิชัยกล่าวยอมรับว่า อัตราค่าโดยสารรถบริการสาธารณะและแท็กซี่อาจต้องปรับราคาโดยสารขึ้นเช่นกัน หลังราคาค่าพลังงานปรับเพิ่มขึ้น เพราะปัจจุบันราคาค่าแท็กซี่เทียบเท่ากับรถจักรยานยนต์รับจ้าง
ส่วนมาตรการในการรองรับสำหรับประชาชนที่จะได้รับผลกระทบนั้น นายพิชัยยืนยันว่า จะพยายามเจรจากับกลุ่มผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง เพื่อหาทางออกร่วมกัน เช่นเดียวกับการที่จะหาแนวทางในการดูแลประชาชนที่มีรายได้น้อย ทั้งนี้ระบุด้วยว่า รัฐบาลมีความจำเป็นต้องพิจารณาปรับราคาเพิ่มขึ้น แม้ผลการดำเนินการอาจไม่ถูกใจประชาชน แต่เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไป พร้อมให้เชื่อมั่นว่า กระทรวงพลังงานจะดำเนินการในการจัดทำท่อส่งน้ำมันไปยังภาคเหนือและภาคอีสาน เพื่อลดต้นทุนการขนส่ง และจะเร่งหาแหล่งพลังงานแหล่งใหม่ ด้วยการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ตลอดจนการจัดหาที่เก็บสำรองพลังงาน เพื่อรองรับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงด้วย
ส่วนความเคลื่อนไหวของศาลปกครองกลางนั้น ขณะนี้กำลังไต่สวนคดีที่มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้อง เพื่อขอให้เพิกถอนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 ต.ค.54 ที่อนุมัติให้ขึ้นราคาก๊าซ NGV และก๊าซ LPG รวมถึงขอให้เปิดเผยต้นทุนราคาก๊าซ NGV
