หนังมืดมนไม่ถูกรสนิยมออสการ์ปีนี้

ประกาศรายชื่อมาแล้วสำหรับภาพยนตร์เข้ารอบชิงออสการ์ปีนี้ สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดก็คือหนังที่เนื้อหามืดมนแต่ประสบความสำเร็จในเวทีก่อนหน้าอย่างลูกโลกทองคำกลับถูกเมิน ซึ่งสะท้อนความต้องการเสพเนื้อหาที่ผ่อนคลายมากขึ้นในสังคมอเมริกัน

ความเครียดจากการเลี้ยงดูลูกชายที่เกิดมาโดยไม่ตั้งใจ ยิ่งเลวร้ายเมื่อต้องเผชิญกับสังคมในฐานะแม่ของฆาตกรโหด บทโดดเด่นของทิลดา สวินตัน ใน We Need To Talk About Kevin ที่คอหนังต่างแปลกใจว่าไม่มีชื่อเข้าชิงออสการ์สาขาดารานำหญิงในปีนี้ เช่นเดียวกับบทแนวดราม่าท้าทายฝีมือของ Michael Fassbender เล่นเป็นหนุ่มผู้เสพติดการมีเพศสัมพันธ์เรื่อง Shame และ Albert Brooks ในบทมาเฟียเรื่อง Drive ที่ต่างถูกเสนอชื่อบนเวทีอื่นมากมาย แต่กลับไม่ได้เข้าชิงของออสการ์ ทั้งในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและดารานำ

แม้เป็นแนวภาพยนตร์ที่มักจะเปิดโอกาสให้ดาราแสดงฝีมือในภาพยนตร์ได้อย่างเต็มที่ แต่นักวิจารณ์ก็มองว่าการหันไปคัดเลือกภาพยนตร์สร้างแรงบันดาลใจเช่น Moneyball รวมถึงหนังโหยหาอดีตไม่ว่าจะเป็น The Artist หรือ Midnight In Paris อาจสะท้อนความต้องการชมหนังคิดบวก ท่ามกลางสภาพแวดล้อมเลวร้าย ในขณะเดียวกัน การที่ผู้กำกับรุ่นเก๋าผ่านชีวิตมามากเช่น Martin Scorsese ก็สร้างผลงานอย่าง Hugo ที่หันมามองประเด็นเกี่ยวกับครอบครัวมากขึ้น

ภาพยนตร์ดราม่าเนื้อหาหนักๆ ที่มักมีฉากฆาตกรรมหรือการมีเพศสัมพันธ์เพื่อสื่อถึงความรุนแรงที่ตัวละครประสบ ยังเป็นอุปสรรคทางการตลาดด้วยเรตติงกลุ่มผู้ชมที่จำกัด ทำให้ได้รับการสนับสนุนจากโรงหนังน้อย ตรงกันข้ามกับสาขาหนังต่างประเทศที่ต่างเปิดพื้นที่ให้หนังเนื้อหาเคร่งเครียดเช่น A Separation ถ่ายทอดความกดดันและปัญหาสารพัดที่ตามมาหลังจากการหย่าร้างกันในอิหร่าน หรือ In Darkness จากโปแลนด์ เล่าเรื่องการช่วยเหลือชาวยิวจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในสมัยนาซี