ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

กมธ.สิ่งแวดล้อม เห็นด้วยกรมอุทยานฯ กำหนดเวลาปิดเปิดถนนผ่านเขาอ่างฤาไน

Logo Thai PBS
กมธ.สิ่งแวดล้อม เห็นด้วยกรมอุทยานฯ กำหนดเวลาปิดเปิดถนนผ่านเขาอ่างฤาไน

นายนริศ ประธาน สนับสนุนให้ปิดถนน เพื่อลดสัตว์ถูกรถชน แต่ขอผ่อนผันผู้ใช้ถนนบ้าง

เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ นายนริศ  ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวะล้อม สภาผู้แทนราษฎร ได้ นำคณะ กมธ. เดินทางไปศึกษาดูงานปัญหาการตายของสัตว์ป่าจากอุบัติเหตุบริเวณถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3259 ซึ่งตัดผ่านเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จ.ฉะเชิงเฉา   โดยมีผู้มีอำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2  หัวหน้าเขตรักษ์พันธ์สัตว์ป่าเขต เขาอ่างฤาไน วิศวกรใหญ่ด้านวางแผนและวางโครงการก่อสร้าง ซึ่งเป็นตัวแทนจากรมทางหลวง  นายอำเภอท่าตะเกียบ ตัวแทนชาวบ้าน เข้าร่วมประชุม

นายนริศ กล่าวว่า ด้วยเหตุที่ถนนเส้นดังกล่าวนี้เป็นถนนไปสู่จังหวัดสระแก้ว  โดยตัดผ่านเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนเป็นระยะทาง 15 กิโลเมตร  มีรถใช้เฉลี่ย 1,400 คัน / วัน หรือ 511,00 คัน / ปี  ทำให้สัตว์ป่าถูกรถชนปีละประมาณ 14,408 ตัว (สำรวจเมื่อปี 2542 ) โดยกรมอุทยานฯ มีคำสั่งตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2555 ให้ปิดถนนดังกล่าว จากเวลาตั้งแต่เวลา 21.00 น. -  05.00 น. ของทุกวัน เปลี่ยนมาเป็น เวลา 18.00น. – 06.00 น. ของทุกวัน เพื่อลดการตายของสัตว์ป่าลง ทำให้ประชาชนบางส่วนได้รับความเดือนร้อนโดยเฉพาะเกษตรกร ซึ้งต้องบรรทุกอ้อยผ่านเส้นทางดังกล่าว หลังการประชุม กมธ. มีความเห็นตรงกับกรมอุทยานฯเรื่องเวลาปิดเปิดแต่ให้มีการผ่อนผันในระยะเริ่มต้นแล้วทำการประชาสัมพันธ์การปิดเปิดถนนดังกล่าวให้ผู้ใช้ถนนทั่วไป เกษตรกร และโรงงานน้ำตาล ให้ทราบและขอความร่วมมือในการปฏิบัติ พร้อมทั้งให้กรมทางหลวง ร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยาน ฯ กำหนดมาตรการเสริมเพื่อให้ผู้ใช้ทางขับรถตามความเร็วที่กำหนดและมีจิตสำนึกในการขับขี่พร้อมทั้งเพิ่มทางเลือกให้สัตว์ป่าบางชนิดในการข้ามทางหลวงช่วงเปิดใช้เส้นทาง

กมธ.สิ่งแวดล้อม กล่าวว่า โดยเห็นด้วยให้มีการก่อสร้างอาคารศูนย์ควบคุมการจาราจรในบริเวณดังกล่าว และสนับสนุนให้ทำท่อลอด สะพานสัตว์ปีนป่าย ระบบตรวจจับความเร็ว และให้ เตรียมศึกษาความเป็นไปได้และให้ออกแบบถนนเส้นใหม่ เพื่อเลี่ยง เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนขึ่นมาใหม่ในอนาคต แล้วปล่อยให้ถนนเส้นนี้เป็นถนนเพื่อการท่องเที่ยว และศึกษาธรรมชาติต่อไป
 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง