เล็งปรับระเบียบส่งช้างออกแสดงที่ต่างประเทศ

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เตรียมปรับระเบียบการนำช้างออกไปแสดงในต่างประเทศใหม่ หลังมีช้างบางส่วนไปแล้วไม่มีโอกาศกลับบ้านเกิด ส่วนลูกช้าง 5 เชือกล่าสุด ที่ส่งไปดูแลที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จังหวัดลำปาง ยังคงมีสุขภาพแข็งแรง และปรับตัวได้ดีขึ้น

ควาญช้างและสัตวแพทย์โรงพยาบาลช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย สถาบันคชบาลแห่งชาติ อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง ยังคงดูแลลูกช้างทั้ง 5 เชือกที่ได้รับมาล่าสุดอย่างใกล้ชิด หลังกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ยึดมาจากแคมป์ช้างทวีชัย จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา ระหว่างรอดำเนินคดี เนื่องจากตั๋วรูปพรรณช้างไม่สอดคล้องกับตำหนิที่มีอยู่ รวมทั้งเจ้าของแคมป์ช้างไม่สามารถนำหลักฐานการครอบครองและที่ไปที่มาของช้างมาแสดงได้

น.สพ.สิทธิเดช มหาสาวังกูล หัวหน้าโรงพยาบาลช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย เปิดเผยว่า ช้างทั้ง 5 เชือกเริ่มปรับตัวกับสถานที่ใหม่ได้ดีขึ้น สุขภาพแข็งแรง มีเพียงบางเชือกเท่านั้นที่ยังคงมีนิสัยดุร้าย

นอกจากนี้ยังระบุอีกว่า ปัจจุบันศูนย์ฝึกลูกช้างปางหละ หรือศูนย์บริบาลช้าง อำเภองาว และศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง ได้รับช้างของกลางที่ยึดจากกลุ่มผู้ค้าช้างมาดูแลแล้วกว่า 100 เชือก จำนวนนี้คดีถึงที่สุดเพียง 10 เชือก ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินคดีในชั้นศาล

ขณะที่นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวถึงแนวทางการแก้ปัญหาช้างว่า ได้ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ปรับแก้ระเบียบการอนุญาตให้นำช้างเลี้ยงออกไปจัดแสดงในต่างประเทศ เนื่องจากมีช้างบางเชือกที่ไปแล้วไม่มีโอกาสกลับบ้าน โดยจะเพิ่มค่ามัดจำช้าง จากเดิมเชือกละ 1 ล้านบาท เป็น 20 ล้านบาท สามารถส่งและต่ออายุได้คราวละ 1 ปี

ส่วนปัญหาการนำช้างป่ามาสวมทะเบียนเป็นช้างบ้านนั้น จะเสนอให้กรมปศุสัตว์ตรวจสอบดูแลช้างในปางช้างและช้างเร่ร่อนให้รัดกุมมากขึ้น นอกจากนี้ยังได้ข้อเสนอให้กระทรวงมหาดไทยควบคุมการขึ้นทะเบียนตั๋วช้าง ที่เป็นช่องทางในการนำลูกช้างมาสวนทะเบียนปลอม โดยวันนี้ (8 ก.พ.) จะเชิญสัตวแพทย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ มาหารือเรื่องโครงการตรวจดีเอ็นเอช้างป่า ซึ่งขณะนี้ได้ตั้งงบประมาณไว้ 16 ล้านบาท เพื่อทำห้องปฏิบัติการแล้ว