ผู้เสียชีวิตจากภัยหนาวยุโรปพุ่งสูงกว่า 400 คน
รัฐบาลของแคว้น "คราส-โน-ดาร์" ประเทศรัสเซีย ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินเนื่องจากสภาพอากาศหนาวจัดผิดปกติ อุณหภูมิติดลบ 30 องศาเซลเซียส ประกอบกับมีพายุหิมะพัดกระหน่ำโรงเรียน และสถานอนุบาลเด็กเล็กต้องปิดทำการ สภาพอากาศที่เลวร้ายยังทำให้กระแสไฟฟ้าขัดข้องประชาชนมากกว่า 150,000 คน ต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความหนาวเหน็บเนื่องจากไม่มีไฟฟ้าใช้ ยอดผู้เสียชีวิตจากสภาพอากาศเลวร้ายในยุโรปตอนนี้มีมากกว่า 400 คนแล้ว โดยยูเครนเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดอยู่ที่ 131 คน
แม้ว่าความหนาวเย็นจะสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนส่วนใหญ่แต่ในอีกมุมหนึ่ง ความหนาวเย็นได้สร้างสรรค์ความงามของธรรมชาติทีแปลกตาอย่างทะเลสาบ และน้ำตกในอุทยานแห่งชาติ "พลิท - ไวซ์" ในโครเอเชียที่เผชิญกับความหนาวเย็นมานาน 2 สัปดาห์ทำให้ทะเลสาบ และน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดของโครเอเชีย ที่สูงถึง 78 เมตรกลายเป็นน้ำแข็ง ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางไปชื่นชมความงดงามของธรรมชาติ
ส่วนสมเด็จพระสันตปาปาเบเนดิคที่ 16 ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิค ทรงมีพระราชดำรัสที่สำนักวาติกัน ขอให้ประชาชนเผื่อแผ่น้ำใจ และมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการฝ่าฟันวิกฤตภัยหนาวในครั้งนี้ และขอให้ประชาชนช่วยกันสวดภาวนาให้กับครอบครัวของผู้ประสบภัยหนาวด้วย ด้านคณะกรรมาธิการของยุโรปซึ่งดูแลเรื่องการรับมือกับวิกฤตบอกว่า ช่วงที่เลวร้ายที่สุดยังมาไม่ถึง เนื่องจากคาดการณ์ว่าภัยหนาวจะเกิดขึ้นต่อเนื่องไปถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้
ขณะที่ประเทศเปรูเผชิญกับอุทกภัยครั้งใหญ่ เมื่อมีฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้น้ำในแม่น้ำหลายสายเอ่อท้นไหลท่วมชุมชน และพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายอย่างหนัก ชาวบ้านหลายพันคนในเมืองชานชามาโย (Chanchamayo) ต้องอพยพขนข้าวของหนีน้ำไปอยู่บนที่สูง และตั้งค่ายพักชั่วคราวเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยจนกว่าน้ำจะลด กระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากยังสร้างความเสียหายให้กับถนนและสะพานหลายแห่ง ทั้งนี้นับตั้งแต่เริ่มมีฝนตกเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 คน และมีบ้านเรือนได้รับบความเสียหายอีก 800 หลัง ทางด้านสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของเปรูคาดการณ์ว่า ฝนจะตกหนักในอีกหลายพื้นที่ของประเทศในช่วงฤดูมรสุมนี้