ความสำเร็จของ
Rolling In The Deep เพลงเอกแห่งการหวนคืนสู่เวทีของ "อาเดล" หลังจากผ่าตัดเส้นเสียงเมื่อปีที่แล้ว ด้วยการกวาดทุกรางวัลที่เข้าชิงไปถึง 6 สาขา โดยเฉพาะ 3 รางวัลใหญ่อย่างเพลงแห่งปี, บันทึกเสียงแห่งปี และอัลบั้มแห่งปี คือความสำเร็จที่ส่งให้นักร้องสาววัย 23 ปีผู้นี้กลายเป็นราชินีของเวทีแกรมมี่ครั้งที่ 54
สมกับยอดขายของเธอใน twenty-one อัลบั้มอันดับหนึ่งของสหรัฐปีที่แล้ว ที่ทิ้งห่างอันดับสองของ เลดี้ กาก้า ถึงสามเท่าตัว และอยู่ในชาร์ตยอดขายสามอันดับแรกถึง 23 สัปดาห์ ซึ่งอัลบั้มสุดท้ายที่สร้างปรากฏการณ์ในระดับนี้ได้ คืออัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์ The Bodyguard ของวิทนีย์ ฮูสตันที่เพิ่งจากไป ด้วยเสน่ห์แห่งพลังเสียงแบบเดียวกัน
ความสำเร็จของ อาเดล ชาวอังกฤษ เป็นเหมือนเสียงสะท้อนของวงการเพลงปัจจุบันที่มีต่อนิยามของศิลปินคุณภาพ เพราะขณะที่นักร้องมากมายพยายามหาจุดขายในการแสดง และหันมาสู่จังหวะแดนซ์อิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็น Katy Perry หรือ Rihanna แต่ อาเดล ใช้เพียงเสียงร้องที่เข้าถึงวิญญาณของดนตรีในการสะกดแฟนเพลงจนประสบความสำเร็จในวันนี้
แกรมมี่ อวอร์ดส์ ครั้งนี้เป็นปีแรกตัดทอนรางวัลซ้ำซ้อนออกไปถึง 31 สาขา และเริ่มใช้กฎใหม่ให้ผู้เข้าชิงแข่งขันกันโดยไม่แยกเป็นศิลปินหญิง-ชาย โดยนอกจากความโดดเด่นของอาเดลและการอุทิศการแสดงแด่วิทนีย์ด้วยเพลง I Will Always Love You จากเจนนิเฟอร์ ฮัดสัน เวทีรางวัลยังเต็มไปด้วยสีสันจากศิลปินหญิง ทั้งการแสดงของ นิกกี้ มินาจ หรือ Katy Perry และการคว้ารางวัลเพลงคันทรี่ยอดเยี่ยม และ ศิลปินเดี่ยวคันทรี่ยอดเยี่ยมของเทย์เลอร์ สวิฟต์ ส่วนนักร้องสาวที่ยังอยู่ในความทรงจำอีกคนหนึ่งอย่างเอมี่ ไวน์เฮาส์ ได้รางวัลศิลปินกลุ่มป็อปยอดเยี่ยมจากการร่วมงานกับ โทนี่ เบนเน็ท ในเพลง Body & Soul
ในขณะที่ความโดดเด่นของฝ่ายชายตกเป็นของ Foo Fighters วงร็อกที่คว้ารางวัลสูงสุดอันดับ 2 ถึง 5 สาขา และคานเย่ เวสต์ กับรางวัลสายแร็พ 4 สาขา และโชว์พิเศษของศิลปินรุ่นใหญ่ ทั้งการแสดง 2 ชุดของ พอล แมคคาร์ทนีย์ ที่มาโชว์ทั้งผลงานล่าสุด รวมถึงร่วมดวลกีตาร์ 6 ตัวใน golden slumber เพลงเก่งของสี่เต่าทอง และการทิ้งทวนวงการครั้งสุดท้ายของ เกลน แคมป์เบล ตำนานเพลงลูกทุ่งอเมริกัน, เพลง good vibrations ที่นำมาแสดงอีกครั้งโดย beach boy ยอดวงยุค 60 ที่กลับมารวมวงอีกครั้ง