สพฉ.จับมือกรมการปกครอง ร่วมเชื่อมโยงข้อมูลระบบทะเบียนราษฎร์ ช่วยผู้ป่วยฉุกเฉินครบวงจร 
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) จัดพิธีลงนามบันทึกเพื่อแลกเปลี่ยนและเชื่อมโยงข้อมูลเกี่ยวกับระบบทะเบียนราษฎร์และข้อมูลผู้ป่วยฉุกเฉิน และการใช้โปรแกรมสำหรับอ่านข้อมูลจากบัตรประชาชน ระหว่างกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยและสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ โดยมีนายสถาพร ศิริภักดี รองอธิบดีกรมการปกครอง นายแพทย์ชาตรี เจริญชีวะกุล เลขาธิการ สพฉ. และนายแพทย์ประจักษวิช เล็บนาค รองเลขาธิการสพฉ. ร่วมลงนาม
นายแพทย์ชาตรี กล่าวว่า การลงนามครั้งนี้ ถือว่าเป็นอีกก้าวหนึ่งในการพัฒนาระบบการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินให้มีคุณภาพและมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมา การช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉิน พบปัญหาเรื่องระบบข้อมูลไม่ครบถ้วน เพราะส่วนใหญ่ผู้แจ้งเหตุหรือผู้พบเห็นผู้ป่วยฉุกเฉินบางครั้งอยู่ในภาวะตื่นตระหนด และจะแจ้งขอความช่วยเหลือได้เพียง ชื่อ-นามสกุลของผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ไม่สามารถระบุเลขบัตรประชาชนได้ ทำให้บางครั้งยากต่อการตรวจสอบข้อมูลผู้ป่วย
“ผู้ป่วยฉุกเฉินที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน ทุกวินาทีมีค่าเสมอ ดังนั้นการเชื่อมข้อมูลระบบทะเบียนราษฎร์และข้อมูลผู้ป่วยฉุกเฉินจะทำให้การช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินมีความรวดเร็ว ถูกต้อง แม่นยำ มากขึ้น เช่น เมื่อผู้พบเหตุแจ้งเหตุฉุกเฉินเข้ามาโดยแจ้งเพียงชื่อ-นามสกุล ระบบจะสามารถตรวจสอบประวัติและเชื่อมโยงข้อมูลผู้ป่วยฉุกเฉินได้ ทำให้การรักษาเป็นไปด้วยความรวดเร็ว รวมทั้งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกรณีที่ผู้ป่วยฉุกเฉินเจ็บป่วยจากอาการโรคเรื้อรัง ซึ่งจะทำให้การรักษาตรงโรคมากขึ้น”เลขาธิการสพฉ.กล่าว
นอกจากนี้การเชื่อมโยงระบบข้อมูลนี้ เป็นไปเพื่อการคุ้มครองสิทธิการรักษา เนื่องจากระบบการแพทย์ฉุกเฉินจะส่งผู้ป่วยฉุกเฉินไปรักษาโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ดังนั้นในกรณีที่ผู้ป่วยต้องไปรักษาตัวนอกโรงพยาบาลหลักที่ลงทะเบียนไว้ จะทำหน่วยงานเจ้าของสิทธิสามารถตามไปดูแลได้รวดเร็ว จากข้อมูลเลขประจำตัวประชาชน ดังนั้นการร่วมมือครั้งนี้จึงเท่ากับว่าเป็นการพัฒนาระบบการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉิน และดูและผู้ป่วยฉุกเฉินอย่างครบวงจร อย่างไรก็ตามทั้งสองฝ่ายจะมีการพัฒนาข้อมูลร่วมกันต่อไปเพื่อให้มีการใช้งานที่ครอบคลุมมากขึ้น
ด้านนายสถาพร กล่าวว่า ที่ผ่านมากรมการปกครองมีการรวบรวมข้อมูลไว้อย่างเป็นระบบ ทั้งข้อมูลทะเบียนราษฎร์และข้อมูลทั่วไปพื้นฐานของประชาชน รวมทั้งมีการปรับปรุงให้มีความทันสมัยอยู่เสมอ ดังนั้นการลงนามบันทึกข้อตกลงครั้งนี้สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติจะสามารถใช้ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการสืบค้นข้อมูล ซึ่งจะส่งประโยชน์อย่างมหาศาลกับประชาชน โดยเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉิน นอกจากนี้ยังเป็นการประหยัดเวลาและงบประมาณของประเทศอีกด้วย ที่ทุกหน่วยงานจะหันมาใช้ฐานข้อมูลและพัฒนาร่วมกัน