นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ยอมรับว่า กังวลต่อกรณีที่ประเทศไทยถูกคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงิน (FATF) ขึ้นบัญชีดำ ซึ่งขณะนี้กำลังรอรับทราบรายงานจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งเข้าร่วมในการประชุม FATF ที่ประเทศฝรั่งเศสด้วย
นายกิตติรัตน์ระบุว่า จำเป็นต้องเร่งแก้ไขกฎหมาย 2 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการฟอกเงินและต่อต้านการก่อการร้าย เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และจะพิจารณาดูว่ายังติดขัดในด้านใด จึงทำให้ขั้นตอนล่าช้า ซึ่งทางคณะกรรมการ FATF แจ้งเตือนเรื่องนี้มาหลายปีแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้า
ด้าน พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีรายงานว่าไทยถูกขึ้นบัญชีดำ พร้อมยืนยันว่า ไทยไม่ใช่แหล่งฟอกเงิน แต่อาจจะเป็นทางผ่าน เนื่องจากมีความเสรีในการผ่านเข้าออก ซึ่งจะต้องเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบมากยิ่งขึ้น
ในส่วนของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่มีนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล เป็นประธาน ได้เรียกประชุมด่วนตั้งแต่เมื่อวานนี้ (16 ก.พ.) และยื่นจดหมายให้นายกรัฐมนตรี คาดว่าคงจะถึงมือวันนี้ (17 ก.พ.) เพื่อให้เร่งส่งสัญญาณต่อนานาชาติ เนื่องจากการขึ้นบัญชีดำจะทำให้การทำธุรกรรมการเงินกับต่างประเทศยุ่งยากขึ้น
ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลเร่งผลักกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ ซึ่งยกร่างมาตั้งแต่ปี 2550 แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถบังคับใช้ได้