เอดีบีย้ำการลงทุนในศตวรรษที่ 21 ต้องเน้นพลังงานสะอาด
ธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือ เอดีบี รวมกับศูนย์ปฏิบัตการด้านสิ่งแวดล้อมในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง จัดประชุมในเรื่องการสร้างสมดุลต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม 2020 ซึ่งจะพิจารณาบนพื้นฐานการขยายตัวทางเศษฐกิจในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา ตลอดจนผลกระทบจากการพัฒนา โดยนายสตีเฟ่น พี กรอฟ รอง รองประธานธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือ เอดีบี ชี้ว่า ความต้องการอาหารในบริเวณลุ่มน้ำโขง คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ร้อยละ 20-50 ในปี 2030 และความต้องการใช้น้ำเพื่อการเกษตร การผลิตพลังงาน การใช้ในประเทศ และอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น จะทำให้พื้นดินและแหล่งน้ำกำลังหมดไป ดังนั้น การพัฒนาอย่างยั่งยืนในศตวรรษที่ 21 จะต้องลงทุนอย่างชาญฉลาด ที่เน้นนวัตกรรมใหม่ๆ เช่นแหล่งพลังงานสะอาด, การเกษตรที่ใช้น้ำน้อย ซึ่งในที่ประชุมเห็นว่าหากจัดการบริหารอย่างมีประสิทธิภาพจะทำให้เกิดไหลของเงินทุน เข้าไปยังประเทศที่การจัดการทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม