เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การให้บริการที่เป็นมิตรของศูนย์สุขภาพชุมชนแทนเจอรีน โดยศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย ซึ่งเป็นศูนย์สุขภาพสำหรับคนข้ามเพศ เป็นสิ่งที่สร้างความประทับใจและความสบายใจให้กับ ธัญกมล บุญชัย โดยเธอยอมรับว่าก่อนหน้านี้ไม่ค่อยได้ตรวจสุขภาพ เพราะไม่ประทับใจในการให้บริการของโรงพยาบาลบางแห่งที่เลือกปฏิบัติต่อคนข้ามเพศ
“เวลาเราไปที่โรงพยาบาลจะเจอสายตาที่จับจ้องเรา เวลาเดินไปที่ห้องตรวจเลือดเหมือนโดนเลือกปฏิบัติ ตีตราไว้แล้วว่าติดเชื้อเอชไอวี ทั้งที่ยังไม่ทราบผลเลือดด้วยซ้ำ” ธัญกมล กล่าว
ขณะที่ ธีระนาต บุญชัย เจ้าหน้าที่ดูแลสนับสนุนหลังการตรวจเลือด ศูนย์สุขภาพฟ้าสีรุ้ง กล่าวว่า การตีตราและเลือกปฏิบัติทำให้กลุ่มคนข้ามเพศขาดโอกาสในการตรวจคัดกรอง เฝ้าระวังโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงการเข้าถึงยารักษาโรคฉวยโอกาสของผู้ติดเชื้อเอชไอวีได้อย่างเท่าทัน
“ถ้าเค้าสบายใจในการเข้ารับบริการมากขึ้น ตัวเลขการติดเชื้อการเสียชีวิตจากเอชไอวีก็จะลดลง ไม่ใช่รอให้ป่วยถึงขั้นทรุดหนักค่อยไปโรงพยาบาล มันดีกว่าที่เค้าได้ก้าวเข้าไปตรวจรักษา” เจ้าหน้าที่จากศูนย์สุขภาพฟ้าสีรุ้ง กล่าว
ทั้งนี้ ข้อมูลศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย พบผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ปีละประมาณ 8,000-10,000 คน สาเหตุหลักมาจากการฉีดสารเสพติดร้อยละ 40 รองลงมาคือเพศสัมพันธ์ โดยพบความชุกของการติดเชื้อเอชไอวีในกลุ่มชายรักชายถึงร้อยละ 20
ศ.กิตติคุณ นพ.ประพันธ์ ภานุภาค ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า เราเชื่อว่าศูนย์สุขภาพชุมชนที่ให้การรักษาเฉพาะทางเพื่อกลุ่มคนข้ามเพศ รวมถึงให้คำแนะนำความรู้ในการป้องกันและรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี โดยไม่เลือกปฏิบัติไม่ตีตรา จะเป็นช่องทางหนึ่งที่ลดสถิติการติดเชื้อและเสียชีวิตเพราะโรคฉวยโอกาสจากการติดเชื้อเอชไอวีได้
ด้าน ฐิติญานันท์ หนักป้อ เครือข่ายเพื่อนกะเทยไทย เห็นว่าภาครัฐควรสนับสนุนให้จัดตั้งศูนย์สุขภาพสำหรับคนข้ามเพศครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งไม่ต่างจาก นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ที่กล่าวว่า แม้ขณะนี้ภาครัฐยังไม่สามารถสนับสนุนศูนย์สุขภาพชุมชนสำหรับคนข้ามเพศได้ แต่ควรปรับปรุงการให้บริการของสถานพยาบาลทั่วไป โดยเจ้าหน้าที่ต้องไม่เลือกปฏิบัติต่อคนทุกกลุ่ม เพื่อให้คนเหล่านี้เข้าถึงบริการด้านสุขภาพ มีสุขภาพทางเพศที่ดีและเข้าถึงยารักษาโรค เช่น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของคนข้ามเพศ หรือป่วยจากโรคฉวยโอกาสจากเชื้อเอชไอวีได้อย่างเท่าทัน