นายเอ็ดวิน วีค นักอนุรักษ์สัตว์ป่า ชาวเดนมาร์ก ออกมาเปิดโปงปัญหาการล่าและค้าลูกช้างป่าในประเทศไทย ท่ามกลางสื่อมวลชนจากสำนักข่าวต่างประเทศที่มาร่วมรับฟังและทำข่าวเป็นจำนวนมาก โดยนายเอ็ดวิน ได้นำภาพการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่มาพร้อมอาวุธ ซึ่งเขาระบุว่า เป็นการพยายามจับสัตว์ป่าอย่างโหดร้ายทารุณ เพื่อนำมาแสดงต่อหน้าผู้สื่อข่าว
นายเอ็ดวิน ยืนยันว่า สัตว์ป่าทุกตัวได้มาอย่างถูกต้อง แต่เตรียมเอกสารไม่ทันรวมถึงช้างที่มีอยู่เพียง 6 เชือกเท่านั้นไม่ใช่ 20 เชือกอย่างที่ถูกเจ้าหน้าที่กล่าวหาว่า เคลื่อนย้ายช้างไปหลบซ่อน นายเอ็ดวิน เห็นว่า เจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ ทำให้สัตว์ได้รับบาดเจ็บ และ ขาดความเชี่ยวชาญในการจับสัตว์ทั้งที่เป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานอนุรักษ์
เช่นเดียวกับนางแสงเดือน ชัยเลิศ เจ้าของสวนป่าธรรมชาติสำหรับช้าง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นอีกคนหนึ่งที่ออกมาระบุว่า ชาวกะเหรี่ยงที่ถูกจับไม่ใช่กลุ่มที่ฆ่าช้างป่าแก่งกระจาน แต่เป็นเจ้าหน้าที่อุทยานฯเองที่เป็นผู้ลงมือและเอางาช้างไป ขณะที่ปางช้างของนางแสงเดือนที่มีช้างกว่า 200 เชือกได้ถูกเข้าตรวจค้นเมื่อสัปดาห์ก่อน
สำหรับนายเอ็ดวิน วีค เป็นชาวเดนมาร์ก ที่เข้ามาทำงานช่วยชีวิตสัตว์ป่าในไทยนานกว่า 20 ปี เขาเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่าแห่งประเทศไทย ซึ่งตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มูลนิธินี้ถูกเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เข้าตรวจค้นหลายครั้ง เนื่องจากต้องสงสัยว่า มีการครอบครองสัตว์ป่าโดยผิดกฎหมาย และ มีสัตว์ไว้เพื่อแลกเปลี่ยน หาผลประโยชน์
ซึ่งรวมถึงครั้งล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ ( 22 ก.พ.) ที่เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช นำหมายศาล จังหวัดเพชรบุรี เข้าตรวจค้นมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่าในข้อหามีสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 15 ชนิด จำนวน 103 ตัว โดยนายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ยืนยันว่า เป็นการเดินทางมาตรวจสอบเพื่อความชัดเจน เนื่องจาก มีการออกมาให้ข่าวตอบโต้กันเรื่องการเคลื่อนย้ายและจับสัตว์ที่ถูกตรวจยึดโดยไม่ถูกวิธีหรือสัตว์ได้รับบาดเจ็บ พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้มีการกลั่นแกล้งแต่ประการใด หรือ ใช้อำนาจหน้าที่เกินขอบเขต จึงได้ขอหมายศาลมาด้วย และ จะให้ความเป็นธรรมกับทางมูลนิธิฯอย่างเต็มที่
ขณะที่ นายเอ็ดวิน เชื่อว่านี่เป็นการกลั่นแกล้ง เนื่องจาก ก่อนหน้านี้เขาได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า เจ้าหน้าที่อุทยานฯ มีส่วนเกี่ยวพันกับการฆ่าช้างป่าแก่งกระจาน