แบงก์ชาติ เสนอรัฐหาแนวทางทยอยลดขาดดุลงบฯ ก่อนหนี้สาธารณะสูงเกิน 60% ของจีดีพี
นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า จากนี้ไปรัฐบาลควรต้องหาแนวทางทยอยลดการขาดดุลงบประมาณลงเพราะหากประเทศไทยยังต้องขาดดุลงบประมาณในระดับ 3-4%ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) แบบนี้ไปเรื่อยๆ อนาคตอีก 4-5 ปีข้างหน้าตัวเลขหนี้สาธารณะของประเทศไทยอาจปรับขึ้นมาอยู่ในระดับ 60% ของจีดีพีก็เป็นได้ และต้องทำแต่ก็ต้องคำนึงถึงผลในระยะยาวด้วย เพราะถ้าเรายังขาดดุลงบประมาณในระดับ 3-4%ของจีดีพีไปเรื่อยๆ อีกไม่นานหนี้สาธารณะคงมีโอกาสสูงถึง 60% ใน 4-5ปีข้างหน้าได้
สำหรับกรณีที่รัฐบาลตั้งงบประมาณขาดดุลในปีงบประมาณ 2556 ไว้จำนวน 3แสนล้านบาทนั้น แม้เป็นตัวเลขการขาดดุลที่ดูลดลง แต่ถ้ารวมกับพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อวางระบบการบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศพ.ศ.2555 วงเงิน 3.5 แสนล้านบาทนั้น เท่ากับว่ารัฐบาลจะมีการขาดดุลงบประมาณในปี 2556 ถึง 6.5แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตามในส่วนของ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ 3.5แสนล้านบาทนั้นยังต้องติดตามดูว่า จะมีการเบิกจ่ายในปี 2556ได้จริงมากน้อยแค่ไหน ถ้าสมมติฐานว่าจะมีการเบิกจ่ายได้จริงประมาณครึ่งหนึ่ง หรือประมาณ1.75 แสนล้านบาท ก็เท่ากับว่าในปีงบประมาณ 2556รัฐบาลจะมีการขาดดุลงบรวม 4.75 แสนล้านบาท ซึ่งถือเป็นตัวเลขการขาดดุลฯที่ค่อนข้างสูงเช่นกัน แต่ทั้งนี้หากเป็นการขาดดุลเพื่อการลงทุนโดยเฉพาะการลงทุนในการบริหารจัดการน้ำ เพื่อป้องกันน้ำท่วมก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมาก เพื่อการลงทุนที่มีประโยชน์ เช่นการเพิ่มศักยภาพให้กับประเทศ การปรับปรุงระบบโทรคมนาคมขนส่งปรับปรุงระบบสาธารณูปโภค ระบบป้องกันน้ำท่วม พวกนี้ก็ถือเป็นเรื่องดีแต่ถ้าเราจะเพิ่มการลงทุนอะไร เราก็ควรต้องดูด้วย เพราะทรัยพยากรที่มีอยู่ไม่ได้มีแบบไร้จำกัด
สำหรับในส่วนประเด็นที่รัฐบาลควรต้องเร่งทำ คือ การหาช่องทางในการเพิ่มรายได้ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นโจทย์ถาวรของประเทศไทยโดยประเทศไทยควรต้องปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี การขยายฐานภาษี ขณะที่ช่องทางการหารายได้ของรัฐบาลที่ดูเหมือนจะลดลงไปนั้นก็ถือเป็นเรื่องที่น่ากังวลเช่นกัน เพราะในขณะที่การลงทุนและการใช้จ่ายของภาครัฐมีมากขึ้นการขยายฐารายได้ในการจัดเก็บภาษีก็ควรต้องเพิ่มตามไปด้วย
