เหมือนหนังคนละม้วน เมื่อแฟนคลับของมิสโคลอมเบีย กำลังเชียร์สาวงามตัวแทนชาติ และดีใจสุดขีดเมื่อประกาศผลว่าได้รับรางวัลการันตีเป็นผู้หญิงที่สวยงามที่สุดในจักรวาล ที่บ้านเกิดเมืองซูเกร แต่กลับต้องชะงักงันอยู่หน้าจอ เมื่อมิสโคลัมเบียต้องถอดมงกุฏคืนให้กับมิสยูนิเวิร์สตัวจริง ซึ่งคือ เปีย อะลอนโซวัวซ์บาค สาวงามจากฟิลิปปินส์ หลังพิธีกรประกาศผลรางวัลผิดตัวผิดคน จนกลายเป็นดรามาที่คนทั่วโลกต่างพูดถึงตลอดทั้งวัน
การคว้าตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สถึง 3 ครั้ง ของฟิลิปปินส์ ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับประเทศที่มีวัฒนธรรมการสร้างนางงามผ่านหลายเวทีประกวด ส่วนสำคัญยังอยู่ที่แรงเชียร์ที่ช่วยกันโหมกระแสในโซเชียล ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้จัดคาดหวัง โดยผู้เชี่ยวชาญด้านนางงามมองว่า การมีผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังการประกวด รวมไปถึงเรื่องการตลาด อาจทำให้มีการจัดฉากเพื่อเรียกกระแสดรามาสร้างชื่อให้ผู้จัด
อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่พิธีกรประกาศผลรางวัลนางงามระดับโลกผิด เพราะก่อนหน้านี้เมื่อ ปี 2006 เวทีมิสซิสเวิลด์ ที่ประเทศรัสเซีย เคยสื่อสารผิดพลาดประกาศผลให้ มิสซิสคอสตาริกา ได้ครองมงกุฎ แต่ไม่นาน เดวิด มาร์เมลล์ เจ้าของรายการกลับระบุผลรางวัลที่แท้จริงเป็นของมิสซิสรัสเซีย พร้อมสั่งให้ถ่ายรายการใหม่ ทำให้ผู้เข้าแข่งขันส่วนหนึ่งประท้วงด้วยการคืนสายสะพาย
ด้านเวทีนางแบบก็ไม่น้อยหน้า เพราะย้อนกลับเมื่อไป 5 ปีก่อน ซาราห์ เมอร์ดอช พิธีกรรายการ ออสเตอรเลีย’ส เน็กซ์ ท็อป โมเดล ได้ประกาศผลให้ให้ เคลซี เป็นผู้ชนะ จนเมื่อเดินเฟิร์สท วอร์ค เสร็จสิ้น เรื่องก็กลับตาลปัตรเพราะผู้ชนะตัวจริงคือ อะแมนดา
ทั้งนี้ แม้ในหลายเวทีจะไม่เปิดเผยคนผิดแน่ชัด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพิธีกร มีส่วนสำคัญในการตั้งสติรับมือกับหน้าที่สำคัญที่มีผู้ชมจับจ้องอยู่ทั่วโลก
การก้าวออกมายอมรับว่าความผิดทั้งหมดเกิดจากตัวเอง ทำให้ สตีฟ ฮาร์วีย์ ได้คะแนนเห็นใจในกระแสโซเชียลที่ออกมายอมรับอย่างตรงไปตรงมา ขณะที่อีกด้านกลับไม่อยากเชื่อว่า สิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับพิธีกรและนักพูดชื่อดัง ผู้คร่ำหวอดในวงการโทรทัศน์ จนได้รับรางวัลเอมมีอวอร์ดมาแล้วถึง 3 ครั้ง
ไม่ว่าการประกาศผลรางวัลยิ่งใหญ่ระดับโลกครั้งนี้จะผิดพลาดด้วยความตั้งใจหรือไม่ก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้ชมได้เห็นคือเวทีประกวดที่เปลี่ยนไปมาก จากเวทีที่แข่งขันกันด้วยภาพลักษณ์ของชาติ และการประชันความงามที่ครบครัน แต่ปัจจุบันกลับมีปัจจัยด้านสังคมโลกเข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ จนยากจะบอกได้ถึงสาเหตุที่เกิดเหตุการณ์ล้อเล่นกับความรู้สึกผู้ชมทั่วโลกเช่นนี้