จากกรณีที่กรมทรัพยากรธรณี ประกาศตามหาเด็กชายคนหนึ่งที่ยืนร้องไห้กับผู้ปกครองบริเวณหน้าทางเข้าทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันเด็กแห่งชาติ 9 ม.ค.2559 จนกระทั่งกลายเป็นกระแสที่ได้รับความสนใจของประชาชน ต่อมาวันที่ 10 ม.ค. กรมทรัพยากรธรณี ได้รับการติดต่อจากญาติของ ด.ช.ภูรินทร์ พิบูลย์รัตนกิจ หรือ เบต้า อายุ 8 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนชางตาครู้สศึกษา เด็กชายในภาพที่ร้องไห้เสียใจ เพราะมาไม่ทันเข้าชมไดโนเสาร์ในงานวันเด็กแห่งชาติ
วันนี้ (11 ธ.ค.2559) ด.ช.ภูรินทร์ บอกว่า ตัวเองร้องไห้เพราะมาถึงแล้วพบว่าประตูทำเนียบรัฐบาลปิดแล้ว เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นจึงพาเข้าไปดูและขี่ไดโนเสาร์จำลอง ก็รู้สึกดีใจมาก ซึ่งตัวเองชื่นชอบไดโนเสาร์สายพันธุ์ไทแรนโนซอรัส (ที-เร็กซ์) เป็นพิเศษ อีกทั้งตื่นเต้นที่ทางกรมทรัพยากรธรณีจะให้ร่วมลงพื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทรัพยากรธรณี ติดตามการขุดค้นและศึกษาวิจัยแหล่งซากดึกดำบรรพ์ร่วมกับยุวชนใน จ.ขอนแก่น และ จ.กาฬสินธุ์ โดยตั้งใจจะพาครอบครัวไปด้วย ส่วนในอนาคตฝันว่าจะเป็นวิศวกรการบิน
ขณะที่นายเอกอรุณ พิบูลย์รัตนกิจ บิดาของ ด.ช.ภูรินท์ เล่าว่า ลูกชายชื่นชอบการอ่านหนังสือ รวมทั้งวิทยาศาสตร์ โดยสนใจเกี่ยวกับไดโนเสาร์ เพราะดูจากหนังสือการ์ตูน ซึ่งในวันที่ 10 ม.ค. ลูกชายเลิกเรียนพิเศษเวลาประมาณ 12.00 น. และเดินทางออกจากบ้านแถววงเวียนใหญ่ เวลา 14.00 น. เมื่อไปถึงทำเนียบรัฐบาลก็พบว่ากิจกรรมวันเด็กได้เสร็จสิ้นแล้ว
“วันเด็กเขาไปเที่ยวพร้อมกับปู่ ตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่าเขายืนร้องไห้ เพราะเห็นกลับบ้านมาก็อารมณ์ดี ได้ตุ๊กตามาด้วย พอรู้ก็ตกใจและงงมากที่ทางกรมฯ ประกาศตามหา จนพี่สาวไปเจอรูปทางเฟซบุ๊ก และได้โทรศัพท์เข้าไปในวันที่ 10 ม.ค. เขาโชคดีมาก ผมไม่ได้คิดว่าการร้องไห้แล้วได้อะไรแบบนี้มันใช่นะ แต่มันเป็นความโชคดีของเขา และดีที่จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับไดโนเสาร์ เผื่อเขาจะชื่นชอบและไปในแนวทางนี้” นายเอกอรุณกล่าว
ด้านนายทศพร นุชอนงค์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ระบุว่า ในงานวันเด็กแห่งชาติที่ทำเนียบรัฐบาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับมอบหมายให้จัดกิจกรรม 1 โซน คือ Nature land โดยนำไดโนเสาร์จำลองที่เคลื่อนไหวเสมือนจริง มาให้ความรู้และความบันเทิงกับเด็ก ซึ่งช่วงเย็นของวันที่ 10 ม.ค. ได้รับข้อมูลที่แชร์ข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ว่ามีเด็กผู้ชายคนหนึ่งร้องไห้เสียงดังมาก และอยากจะเข้าไปดูไดโนเสาร์ แต่มาไม่ทัน เจ้าหน้าที่ที่เห็นก็รู้สึกสงสารและได้อุ้มเด็กชายข้ามประตูทำเนียบเข้าไปดูไดโนเสาร์
ต่อมาจึงสั่งการให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ประกาศตามมา เพื่อสานฝันด้วยการนำไปชมวิวัฒนาการของไดโนเสาร์ ที่พิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยาเฉลิมพระเกียรติ คลอง 5 จ.ปทุมธานี ในวันที่ 17 ม.ค.นี้ และเดินทางไปร่วมไปศึกษาแหล่งซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ภูน้อย ซึ่งเป็นแหล่งซากดึกดำบรรพ์อายุ 150 ล้านปี นำชมพิพิธภัณฑ์สิรินธร จ.กาฬสินธุ์ และศูนย์วิจัยและพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ จ.ขอนแก่น
นายทศพร กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยเคยมีไดโนเสาร์จริงๆ และถือเป็นทรัพย์สมบัติที่สามารถนำมาใช้พัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวท้องถิ่น จึงอยากให้เยาวชนและสื่อมวลชนเห็นว่างานวิจัยเกี่ยวกับไดโนเสาร์ สามารถนำไปต่อยอดองค์ความรู้เพิ่มเติมได้ อย่างไรก็ตาม ไทยมีนักวิจัยทางด้านไดโนเสาร์ เพียง 10 กว่าคน จึงอยากให้เยาวชนเข้ามาเรียนรู้ รวมทั้งให้สังคมไทยสนใจเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์มากขึ้น