หลักฐานมัดเภสัชกร รพ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ เกี่ยวข้องคดียาแก้หวัดหาย
ตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ นำกำลังเข้าค้นบ้านเลขที่ 207 เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นบ้านของ นางสดชื่น วิโทจิตร เภสัชกรระดับ 6 โรงพยาบาลกมลาไสย หนึ่งในผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับคดียาแก้หวัด ที่มีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟดรีน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นผลิตยาเสพติด ที่หายออกไปจากโรงพยาบาลกมลาไสย กว่า 350,000 เม็ด จากการตรวจค้นไม่พบยาชนิดดังกล่าว ซึ่งตำรวจจะนำบัญชีธนาคารไปตรวจสอบเพื่อติดตามความเคลื่อนไหวทางการเงิน ที่อาจพบข้อพิรุธเชื่อมโยงไปถึงการทุจริต
พ.ต.อ.วิเชียร พินดวง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ หัวหน้าชุดติดตามคดี ระบุ การตรวจสอบจะเสนอให้ยึดทรัพย์ทันที หากพบว่าผู้ต้องสงสัยมีความร่ำรวยผิดปกติ คาดว่าจะสืบสวนหายาที่หายไป และติดตามไปถึงเครือข่ายยาบ้า มีการเชื่อมโยงกับจังหวัดที่เกิดปัญหาในลักษณะเดียวกันหรือไม่ภายใน 3 วัน ก่อนจะสรุปผลส่งไปยัง กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ที่จะเข้ามาทำคดี ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท. จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วยบัญชาการตำรวจแห่งชาติ เร่งคลี่คลายคดี
ส่วนการสอบข้อเท็จจริงของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด นายแพทย์ พิสิทธิ์ เอื้อวงศ์กูล สาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ จะสรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเสนอต่อนายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ให้สอบสวนทางวินัย 7 เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกมลาไสย ซึ่งมีผู้อำนวยการรวมอยู่ด้วย และ 2 ใน 7 คน จะถูกตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง หากผลการสอบข้อเท็จจริงมีมูลในการทุจริตยา แต่ขณะนี้พนักงานสอบสวน ยังไม่สามารถเรียกตัว นพ.สุพัฒน์ ธาตุเพชร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกมลาไสย มาให้ปากคำได้ เนื่องจากได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลว่า นพ.สุพัฒน์ ได้เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัว
ขณะที่นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สั่งเร่งดำเนินการกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลทุกแห่ง ที่มีผลการสอบสวนเกี่ยวข้องกับบัญชียาที่หายไป หากพบการกระทำผิดจะดำเนินการขั้นร้ายแรง และดำเนินคดีอาญาด้วย ขณะเดียวกันให้โรงพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศ รายงานผลการตรวจสอบ การสั่งซื้อยาแก้หวัดและยอดการสั่งจ่ายในโรงพยาบาลย้อนหลัง 1 ปี
ส่วนทางด้าน พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตำรวจปราบปรามยาเสพติด และที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หารือถึงแนวทางการปฏิบัติ หลังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนและป้องกันและปราบปราม การนำสารซูโดอีเฟดีนไปใช้ทางมิชอบ หลังจากพบการกระทำความผิด ทั้งใน จ.เชียงใหม่ จ.อุดรธานี และ จ.กาฬสินธุ์ ที่มีการเชื่อมโยงกัน ซึ่งหากรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว ก็เตรียมแจ้งข้อกล่าวหาสมคบกันกระทำความผิด ตามพระราชบัญญัติยาเสพติด นอกจากการปราบปรามจับกุม ตำรวจเตรียมตรวจสอบเครือข่ายการทำซูโดอีเฟดีน ซึ่งมีความสำคัญ และเชื่อว่าหลังจากมีการควบคุมตัวยาจะมีการลักลอบนำเข้ามากขึ้น ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำความผิดจะส่งให้ ปปท.ตรวจสอบ และหากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงก็จะตรวจสอบเส้นทางการเงินด้วย