สภาเภสัชกรรม จ่อถอนใบอนุญาตเภสัชกรหากเอี่ยวค้ายาเสพติด
นายกิตติ พิทักษ์นิตินันท์ อุปนายกสภาเภสัชกรรม เปิดเผยว่า สภาเภสัชกรรม ซึ่งมีหน้าที่ในการกำกับดูแลการใช้ยาอย่างเหมาะสม พร้อมเพิกถอนใบอนุญาตกับเภสัชกร โรงพยาบาลกมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ หากพบว่าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องขบวนการค้ายาเสพติด ในการลอบนำยาแก้หวัดสูตรโซดูเอฟรีดีน จำนวน 350,000 เม็ด ออกจากโรงพยาบาลเพราะถือว่าทำผิดต่อจรรยาบรรณวิชาชีพ เนื่องจากยาแก้หวัดมีสารตั้งต้นที่ผลิตเป็นยาบ้าได้
ด้าน พ.ต.อ.วิเชียร พินดวง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ หัวหน้าชุดติดตามคดี เปิดเผยว่า วานนี้ (19 มี.ค.) ตำรวจ นำกำลังเข้าค้นบ้านเลขที่ 207 เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ วานนี้ (19 มี.ค.) ซึ่งเป็นบ้านของ นางสดชื่น วิโทจิตร เภสัชกรระดับ 6 โรงพยาบาลกมลาไสย หนึ่งในผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับคดียาแก้หวัด จากการตรวจค้นไม่พบยาชนิดดังกล่าว ซึ่งตำรวจจะนำบัญชีธนาคารไปตรวจสอบเพื่อติดตามความเคลื่อนไหวทางการเงินที่อาจพบข้อพิรุธเชื่อมโยงไปถึงการทุจริต ซึ่งการตรวจสอบจะเสนอให้ยึดทรัพย์ทันที หากพบว่าผู้ต้องสงสัยมีความร่ำรวยผิดปกติ คาดว่าจะสืบสวนหายาที่หายไป และติดตามไปถึงเครือข่ายยาบ้าที่มีการเชื่อมโยงกับจังหวัดที่เกิดปัญหาในลักษณะเดียวกันภายใน 3 วัน ก่อนจะสรุปผลสอบสวนส่งไปยัง กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ที่จะเข้ามาทำคดีนี้
ขณะที่ นพ.พิสิทธิ์ เอื้อวงศ์กูล สาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า การสอบข้อเท็จจริงของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจะสรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเสนอต่อนายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ สอบสวนทางวินัย 7 เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกมลาไสย ซึ่งมีผู้อำนวยการรวมอยู่ด้วย และ 2 ใน 7 คน จะถูกตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง หากผลการสอบข้อเท็จจริงมีมูลในการทุจริตยา แต่ขณะนี้พนักงานสอบสวน ยังไม่สามารถเรียกตัว นพ.สุพัฒน์ ธาตุเพชร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกมลาไสย มาให้ปากคำได้ เนื่องจากได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลว่า นพ.สุพัฒน์ เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัว
ส่วนนายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สั่งเร่งดำเนินการกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลทุกแห่ง ที่มีผลการสอบสวนเกี่ยวข้องกับบัญชียาที่หายไป หากพบการกระทำผิด จะดำเนินการขั้นร้ายแรงและอาญา ขณะเดียวกันให้โรงพยบาลในสังกัดทั่วประเทศ รายงานผลการตรวจสอบการสั่งซื้อยาแก้หวัดและยอดการสั่งจ่ายในโรงพยาบาลย้อนหลัง 1 ปี