สำนักพระราชวังแจ้งด้วยว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับศพหลวงพ่อจรัญไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ 7 วันและพระราชทานเพลิงศพ
โรงพยาบาลศิริราชออกแถลงการณ์ว่าพระธรรมสิงหบุราจารย์ หรือ หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม เจ้าอาวาสวัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี มรณภาพที่ รพ.ศิริราชเมื่อเวลา 08.37 น.วันนี้ (25 ม.ค.) หลังจากเข้ารับการรักษาอาการอาพาธในโรงพยาบาลศิริราชตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค. 2558 ด้วยอาการหอบเหนื่อย ของโรคปอดอักเสบ สิริรวมอายุ 87 ปี
ทั้งนี้เมื่อเวลา 12.26 น. คณบดี คณะแพทย์ คณะศิษยานุศิษย์ได้เคลื่อนย้ายศพหลวงพ่อจรัญออกจากโรงพยาบาลศิริราชเพื่อไปประกอบพิธีทางศาสนา ที่วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรีแล้ว โดยมีศิษยานุศิษย์ตจำนวนมากมาร่วมไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งหลายคนประนมมือตั้งจิตอธิษฐานตลอดที่ขบวนรถคลื่อนผ่าน
ขณะที่ศาสตราจารย์นายแพทย์ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เปิดเผยวันนี้ (25 ม.ค.2559) ว่าหลวงพ่อจรัญและคณะศิษยานุศิษย์ได้บริจาคเงินจำนวน 50 ล้านบาทเพื่อสมทบทุนสร้างอาคารนวมินทรบพิตร เพื่อผู้ป่วยยากไร้ ที่โรงพยาบาลศิริราช
ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าวว่าหลวงพ่อจรัญและคณะศิษยานุศิษย์มีความตั้งใจมานานแล้วว่าอยากจะมีส่วนช่วยในการดูแลผู้ป่วยยากไร้ของ รพ.ศิริราช ทานมีความประสงค์จะนำเงินส่วนหนึ่งมาสมทบทุนสร้างอาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา ซึ่งเป็นอาคารสำหรับผู้ป่วยยากไร้ของ รพ.ศิริราช
ศาสตราจารย์นายแพทย์ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล
"เดิมทีเรากำหนดไว้ว่าจะเดินทางไปรับเงินบริจาคจากท่านเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2558 แต่ท่านเริ่มมีอาการอาพาธ ก็เลยนมัสการท่านมารักษาที่รพ.ศิริราช ซึ่งพบว่าท่านมีอาการติดเชื้อในปอด และมีความดันของหลอดเลือดในปอดที่สูง ตอนหลังแพทย์ได้ใช้อุปกรณ์ช่วยการทำงานของปอดและไต แต่เนื่องจากท่านมีอายุมากแล้ว อวัยวะต่างๆ ทำงานด้อยลง และละสังขารอย่างสงบเมื่อเวลา 08.37 น.วันนี้ (25 ม.ค.)" ศ.นพ.ประสิทธิ์ระบุ
ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าวเพิ่มเติมว่าเพื่อทำตามประสงค์ของหลวงพ่อจรัญที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ เมื่อวานนี้ (24 ม.ค.) ทางโรงพยาบาลจึงได้รับมอบเงินบริจาคจากท่านและคณะศิษยานุศิษย์เพื่อสร้างอาคารสำหรับผู้ป่วยยากไร้เป็นเงิน 50 ล้านบาท
วัดอัมพวันเตรียมพร้อมรับประชาชนที่มาร่วมพิธีศพ
สังขารของหลวงพ่อจรัญถึงวัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ในช่วงบ่าย เจ้าหน้าที่ได้เชิญศพขึ้นที่แท่นรถน้ำภายในศาลาสุธรรมภาวนา เพื่อประกอบพิธีรดน้ำศพ นำโดยผู้ว่าราชการจังหวัด ตามด้วยคณะสงฆ์และประชาชน
ประชาชนผู้ศรัทธาจำนวนมากที่ทราบข่าว เดินทางมาที่วัดอัมพวันเพื่อรอรดน้ำศพและสวดอภิธรรมซึ่งจะเริ่มวันพรุ่งนี้ (26 ม.ค.) เป็นคืนแรก โดยหลังเสร็จสิ้นพิธีสวดพระอภิธรรมศพในพระบรมราชานุเคระห์ 7 วันแล้ว ยังมีการตั้งศพบำเพ็ญกุศลต่ออีก 100 วัน โดยวัดอัมพวันและศิษยานุศิษย์เป็นผู้ดำเนินการ
ขณะนี้ทางคณะศิษยานุศิษย์ก็ได้อยู่ในระหว่างการหารือกันเรื่องของการเตรียมสถานที่และเตรียมความพร้อม เพื่อที่จะรองรับประชาชนที่จะเดินทางมาร่วมงาน ซึ่งก็คาดการณ์กันว่าจะมีจำนวนมาก แต่ว่าเบื้องต้นได้จัดเตรียมสถานที่สำหรับเป็นที่จอดรถเอาไว้อำนวยความสะดวกแล้ว ก็คาดว่าหลังจากนี้จะมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง
ประวัติ-คำสอนของหลวงพ่อจรัญ
หลวงพ่อจรัญเป็นพระภิกษุสังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตำแหน่งสุดท้ายก่อนมรณภาพ คือ เจ้าอาวาสวัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี และเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะภาคสาม เป็นพระนักพัฒนา พระนักเทศน์ และพระวิปัสสนาจารย์ เน้นสอนเรื่องกฎแห่งกรรม การพัฒนาจิตด้วยการทำวิปัสสนา กรรมฐาน ด้วยหลักสติปัฏฐาน 4 แบบพองหนอ ยุบหนอ จึงเป็นที่เคารพศรัทธาของสาธุชน นอกจากนี้ยังเป็นผู้ส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนหมั่นสวดมนต์ด้วยพุทธชัยมงคลคาถาเพื่อให้มีสติอยู่เสมอ
หลวงพ่อจรัญ ชื่อเดิมคือ นายจรัญ จรรยารักษ์ เกิดเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2471 ใน ต.ม่วงหมู่ อ.เมืองสิงห์บุรี เป็นบุตรคนที่ 5 ในจำนวน 10 คน บิดาชื่อ นายแพ จรรยารักษ์ และมารดาชื่อ นางเจิม สุขประเสริญ อาชีพเป็นชาวนา
เข้าพิธีอุปสมบทเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2491 รวมระยะเวลาเป็นสมณเพศ 67 พรรษา สำเร็จวุฒิการศึกษา นักธรรมชั้นโท
หลวงพ่อจรัญมีชื่อเสียงด้านเป็นพระนักพัฒนา พระนักเทศน์ และพระวิปัสสนาจารย์ รวมทั้งเป็นผู้ที่หยิบยกกฎแห่งกรรมที่ท่านเคยทำไว้เมื่อวัยเด็ก มาสอนประชาชน ทำให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เป็นแบบอย่างพระผู้ปฏิบัติดี
คำสอนหลวงพ่อจรัญเน้นที่เรื่องของกฎแห่งกรรม ลูกศิษย์ยังได้ยินหลักคำสอนเรื่องสัมมาชีพอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะคำสอนที่ว่า "ทำงานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข จงทำงานให้สนุก มีความสุขในการทำงานเงินไหลนอง ทองไหลมา"