ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ย้อนรอย 12 ปี เหตุการณ์ “รื้อบาร์เบียร์” ก่อนถึงวันศาลฎีกาชี้ชะตา “ชูวิทย์”

อาชญากรรม
28 ม.ค. 59
11:18
1,667
Logo Thai PBS
ย้อนรอย 12 ปี เหตุการณ์ “รื้อบาร์เบียร์” ก่อนถึงวันศาลฎีกาชี้ชะตา “ชูวิทย์”
ครบ 12 ปีเต็มกับเหตุการณ์รื้อบาร์เบียร์ ปากซอยสุขุมวิท 10 ก่อนที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ จะตกเป็นจำเลย พร้อมพวกกว่าร้อยคน ที่ทั้งเสียชีวิต ศาลยกฟ้อง จนเหลือถึงศาลฎีกาพิจารณาคดีวันนี้ (28 ม.ค.59) เพียง 44 คน

วันนี้ (28 ม.ค.) ศาลอาญากรุงเทพใต้ อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีรื้อบาร์เบียร์ ที่มีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เป็นจำเลย ในข้อหาจ้างวาน ฐานทำให้เสียทรัพย์ บุกรุกในเวลากลางคืน และกักขังหน่วงเหนี่ยวข่มขืนใจให้บุคคลอื่นปราศจากเสรีภาพ พร้อมพวก 44 คน

ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2546

วันที่ 26 ม.ค.2546 กลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 400 คน นัดรวมตัวกันที่สุขุมวิทพลาซ่า ก่อนบุกเข้าไปบริเวณปากซอยสุขุมวิท 10 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย ซึ่งเป็นบาร์เบียร์ประมาณ 60 ร้าน ที่สร้างในที่ดินซึ่ง บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด (มหาชน) อยู่ระหว่างฟ้องขับไล่ บริษัท บีทีอาร์ โฮลดิ้ง จำกัด ที่มีนายปราสูตร ปราสาททองโอสถ เป็นเจ้าของ คดีอยู่ระหว่างการสืบพยานในชั้นศาล

แล้วให้รถแบคโฮไถบาร์เบียร์พังเสียหายทั้งหมด จากนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์นำแผ่นเหล็กล้อมรั้วกั้นพื้นที่ทั้งหมด 5 ไร่ 32 ตารางวา

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมจับกุมชายฉกรรจ์ที่เฝ้าบริเวณดังกล่าวได้ 97 คน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 29 คน

วันเดียวกัน ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ มีคำสั่งให้ บริษัท เงินทุนหลักทรัพย์ ทิสโก้ และบริวารทั้งหมดออกจากพื้นที่พิพาท

วันที่ 30 ม.ค.2546 พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ยื่นขอความเห็นชอบจากศาลออกหมายจับ พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ และ พ.ต.ธัญเทพ ธรรมธร ในข้อหาบุกรุกในเวลากลางคืน และทำให้เสียทรัพย์

วันที่ 5 ก.พ.2546 นายปราสูตร ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้จัดการบริษัท บีทีอาร์ โฮลดิ้ง จำกัด ผู้เช่าจากบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ทิสโก้ เข้าพบพนักงานสอบสวน
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กรรมการบริหารบริษัทสุขุมวิทซิลเวอร์สตาร์ จำกัด ให้สัมภาษณ์หลังพบพนักงานสอบสวนว่า มาในฐานะพยานเพื่อตรวจสอบเรื่องที่ดิน ส่วนเรื่องอื่นๆ ตนไม่รู้เรื่องและไม่รู้จักและเกี่ยวข้องกับบริษัท นิเกิล จำกัด ที่เข้าไปรื้อบาร์เบียร์

วันที่ 8 ก.พ.2546 พล.ต.ต.จักรทิพย์ กุญชร ณ อยุธยา รองผบช.น.(ในขณะนั้น) ระบุว่า พนักงานสอบสวนออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 8 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ นายชูวิทย์

วันที่ 13 ก.พ.2546 นายชูวิทย์เดินทางไปต่างประเทศ

วันที่ 14 ก.พ. ศาลอาญากรุงเทพใต้ อนุมัติหมายจับนายชูวิทย์ หลังสอบสวนพบว่า ร่วมวางแผนรื้อบาร์เบียร์ด้วย

นายทหารพระธรรมนูญ นำตัว พ.ท.หิมาลัย เข้ามอบตัวพนักงานสอบสวน โดยไม่ขอประกันตัว เพื่อแสดงความบริสุทธิ์

วันที่ 19 ก.พ.2546 พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เข้าแจ้งความ สน.ลุมพินี กล่าวโทษ พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ผบ.ตร. ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หลังจากตั้งข้อสังเกตว่า พล.ต.อ.สันต์ มีส่วนร่วมกระทำผิด เนื่องจากหลังเกิดเหตุนำนายชูวิทย์ เข้าพบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกฯ เมื่อวันที่ 28 ม.ค.

วันที่ 13 มี.ค.2546 พนักงานอัยการ ยื่นฟ้อง พ.ท.หิมาลัย กับพวกรวม 128 คน ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ บุกรุกยามวิกาล และกักขังหน่วงเหนี่ยวข่มขืนใจให้บุคคลปราศจากเสรีภาพ

วันที่ 19 มี.ค.2546 ส.อ.บุญธรรม ขันตี หนึ่งในผู้ต้องหาเสียชีวิตภายในโรงพยาบาลเรือนจำพิเศษกรุงเทพด้วยโรคหืดหอบ

วันที่ 11 เม.ย.2546 ศาลอาญา อนุญาตให้ประกันตัว พ.ท.หิมาลัยด้วยหลักทรัพย์ 400,000 บาท

วันที่ 1พ.ค.2546 เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม นายชูวิทย์ที่อาบอบนวดวิคตอเรีย ถ.พระราม 9 นำตัวไปสอบปากสวนที่สน.ลุมพินี นายชูวิทย์ขอให้การในชั้นศาล เจ้าหน้าที่นำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ พร้อมกับคัดค้านประกันตัว

วันที่ 16 พ.ค.2546 พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายชูวิทย์

วันที่ 28 พ.ค.2546 ศาลอนุญาตให้ประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 4 แสนบาท แต่ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ

วันที่ 26 ส.ค.2546 นายชูวิทย์แถลงข่าวว่า สาเหตุที่ถูกจับเพราะไม่ยอมจ่ายส่วย 10 ล้าน แต่ยอมจ่ายเพียง 7 ล้านบาท

วันที่ 13 ก.ค.2549 ศาลอาญากรุงเทพใต้ อ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น ยกฟ้อง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ พ.ต.ธัญเทพ ธรรมธร กับพวกรวม 131 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ บุกรุกในเวลากลางคืน และกักขังหน่วงเหนี่ยวข่มขืนใจให้บุคคลปราศจากเสรีภาพ มีเพียงจำเลยที่ 49 ที่ให้จำคุก 8 เดือน

วันที่ 11 ก.ย.2555 ศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษา แก้จำคุก 5 ปี นายชูวิทย์ พ.ท.หิมาลัย และ พ.ต.ธัญเทพ กับพวกรวม 66 คน โดยไม่รอลงอาญา มีฐานความผิดทำให้เสียทรัพย์และใช้กำลังประทุษร้ายในเวลากลางคืน ส่วนจำเลยอีก 64 คน พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น

วันที่ 15 ส.ค.2558 ศาลฎีกานัดอ่านคำพิพากษา แต่เนื่องจากจำเลยมาศาลไม่ครบ จึงเลื่อนนัดไปเป็นวันที่ 15 ต.ค.2558

วันที่ 15 ต.ค.2558 ศาลฎีกา นายชูวิทย์เดินทางมาศาลพร้อมกับคนใกล้ชิด โดยถือถุงหิ้วใส่อุปกรณ์อาบน้ำมาด้วย จากนั้นนายชูวิทย์ได้ยื่นคำร้องต่อศาล ขอถอนคำให้การเดิม พร้อมยื่นคำให้การใหม่ ขอรับสารภาพ เพื่อให้ศาลลงโทษสถานเบา ศาลรับไว้พิจารณาและนัดอ่านคำพิพากษาใหม่ วันที่ 28 ม.ค.2559

ข่าวที่เกี่ยวข้อง