องค์กรคุ้มครองผู้บริโภคเตรียมฟ้องศาลปกครองแก้ปัญหาบัตรเติมเงิน
จำนวนผู้ใช้บัตรเติมเงินโทรศัพท์เคลื่อนที่ในวันนี้มีถึง 70 ล้านเลขหมาย คิดเป็นอัตราส่วนมากถึงร้อยละ 90 ของจำนวนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ ที่ผ่านมาคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม ของ กสทช. มีมติห้ามกำหนดวันหมดอายุบัตรเติมเงิน แต่ผ่านไป 2 เดือนแล้ว หลังคณะกรรมการมีมติยังไม่มีเอกชนรายใดดำเนินการชี้ให้เห็นว่าทั้ง กสทช. และผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ ไม่สนใจแก้ปัญหา ทางมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคจึงจะยื่นเรื่องต่อศาลปกครองฟ้องร้องทั้ง กสทช. และผู้ให้บริการมือถือ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติ
ส่วนความคืบหน้ากรณีผู้บริโภคเติมเงินผ่านตู้มือถือออนไลน์ แต่ถูกอมเงิน จนบางกรณีเกิดการทะเลาะวิวาทระหว่างเจ้าของตู้เติมเงินกับผู้ใช้บริการ เหตุขอเงินคืนไม่ได้ เป็นอีกปัญหาที่ไทยพีบีเอสเกาะติดอย่างต่อเนื่อง จนขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานใด เป็นเจ้าภาพแก้ไข แม้แต่ กสทช. ซึ่งกำกับดูแลด้านโทรคมนาคมโดยตรง ทำได้เพียงเปิดศูนย์รับเรื่องราวร้องเรียนเท่านั้น แต่ยังไม่มีการผลักดันมาตรการใดเพื่อแก้ปัญหาให้ผู้บริโภค ทั้งที่มูลค่าของตลาดตู้เติมเงินมีผู้ใช้บริการถึงวันละ 9,000 ล้านบาทในปีที่แล้ว คาดทะลุเป็น 10,000 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่งมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้ยื่นหนังสือไปที่กระทรวงไอซีที เพื่อขอให้ช่วยออกพระราชกำหนดมาบังคับใช้ พร้อมกับจะลงพื้นที่ตรวจสอบตู้ที่ไม่ได้มาตรฐานด้วย
ประชาชนสามารถร้องเรียนเกี่ยวกับบริการที่ไม่เป็นธรรม ได้ที่สายด่วน สำนักงานกสทช. 1200 เพื่อแจ้งข้อมูลให้ เจ้าหน้าที่นำไปแก้ปัญหาคู่ขนานกับการเดินหน้าผลักดันให้เกิดการประมูล 3 จี ในปลายปีนี้