ปธ.สภาฯเตรียมพิจารณาขยายเวลาอภิปรายแก้ รธน.วาระ 2 อีก 1 วัน
ก่อนการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ในวันที่ 2 จะเริ่มขึ้น นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา กล่าวยอมรับว่า เนื้อหาสาระของการอภิปรายมาตรา 4 ของร่างกฎหมาย ซึ่งมีประเด็นให้ต้องแลกเปลี่ยนความเห็น รวม 17 วรรค หรือ 17 ทับด้วยกันอาจต้องใช้เวลานาน จึงขอเวลาในการประเมินการอภิปรายในช่วงค่ำนี้ก่อนพิจารณาขยายวันอภิปรายเพิ่มอีก 1 วันในวันถัดไป
ส่วนข้อเสนอแนะจากผู้ตรวจการแผ่นดิน ทั้ง 3 ประเด็นนั้น ประธานรัฐสภา ยืนยันที่จะทำเอกสารชี้แจงแจกจ่ายให้สมาชิกรัฐสภาได้พิจารณารับฟังและอภิปรายเพื่อหาข้อสรุปต่อไป โดยเฉพาะการลงนามรับสนองพระบรมราชโองการเมื่อร่างแก้ไขนำขึ้นทูลเกล้าแล้วเสร็จ
โดยข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินประกอบไปด้วย ร่างกฎหมายว่า ควรบัญญัติให้ผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ เป็นนายกรัฐมนตรี, และควรกำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นผู้มีอำนาจวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปโดยชอบด้วยรูปแบบการปกครอง และไม่ควรบัญญัติการยืนยันร่างกฎหมายด้วยเสียง 2 ใน 3 ของรัฐสภา
สำหรับการอภิปรายและลงมติรายมาตราหรือลงมติในวาระ 2 ของร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ขณะนี้ที่ประชุมรัฐสภาได้พิจารณาถึงมาตรา 4 ว่าด้วยเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งหมายถึงการกำหนดที่มาของ ส.ส.ร. ทั้งกรณีการเลือกตั้งจังหวัดละ 1 คนและการคัดเลือกจากผู้เชี่ยวชาญ 3 ด้าน จำนวน 22 คน
ขณะที่การอภิปรายและลงมติมาตรา 1 ถึง มาตรา 3 ที่รัฐสภาเห็นชอบนั้น เนื้อหาสาระทั้งหมดเป็นไปตามร่างของคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างกฎหมายเสนอต่อรัฐสภาทุกมาตรา โดยมาตรา 1 รัฐสภาลงมติ 353 ต่อ 107 เสียง ให้เรียกว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ส่วนมาตรา 2 รัฐสภาลงมติ 349 ต่อ 122 เสียง โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
และมาตรา 3 รัฐสภาลงมติ 332 ต่อ 51 เสียง โดยเห็นชอบทั้ง 2 กรณี คือ ให้เพิ่มความในมาตรา 136 ของรัฐธรรมนูญ กรณีที่มาส.ส.ร. คือเลือกตั้งและคัดเลือก พร้อมเห็นชอบในกระบวนการ หากร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกรอบเวลาของสภาร่างนั้น รัฐสภาด้วยเสียง 1 ใน 3 มีสิทธิเสนอญัตติใหม่หรือยันยันร่างเดิมได้ด้วยเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่ง