ผบ.ทบ. เชื่อปชช.ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าใจเจ้าหน้าที่มากขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวก่อนเดินทางลงพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 และกองกำลังสุรนารี ว่า เพื่อดูแลการทำงานให้สอดคล้องกับนโยบายกองทัพบกและตามที่รัฐบาลสั่งการไว้ในการดูแลสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาให้เกิดความเรียบร้อย และดูแลประชาชนให้ปลอดภัย พร้อมไปเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพล ส่วนสถนการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้กำชับในเรื่องการปรับกำลังให้เหมาะสมและเน้นแผนเชิงรุก มีการปฏิบัติการทางทหารมากขึ้นตามลำดับและมีความเข้มงวดดูแลเส้นทางต่างๆ แต่ยังติดปัญหาการปรับกำลังพลให้เพียงพอต่อการดูแลพื้นที่ โดยจะต้องใช้กำลังที่มีอยู่อย่างเหมาะสม ซึ่งการรักษาความปลอดภัยสถานที่คงต้องปรับเปลี่ยนให้กำลังปกติเข้าไปดูแลมากขึ้น เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายบ้านเมือง เพื่อให้ทหารหลักเข้าไปดูแลพื้นที่ความเสี่ยงสูงแทน โดยยอมรับว่า ต้องปรับการทำงานในภาคใต้ให้เป็นการบริหารเชิงรุกและเพิ่มการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เพราะเป็นการต่อสู้แบบสงครามกองโจรยากต่อการป้องกัน ต้องบูรณาการหน่วยงานต่างๆ อย่างจริงจัง และประชาชนต้องให้ความร่วมมือ
พร้อมยอมรับว่า ขณะนี้การจำกัดเสรีฝ่ายตรงข้ามยังไม่สามารถทำได้ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยมีข้อจำกัดในเรื่องของด่านตรวจและกล้อง CCTV ที่ต้องใช้งบประมาณสูง เพราะผ่านการพิจารณาของหลายหน่วยงาน โดยกองทัพบกได้เสนอให้มีการใช้งานกล้อง CCTV ร่วมกัน เพื่อประโยน์เชิงป้องปรามอย่างสมบูรณ์มากขึ้น และช่วยในการเฝ้าตรวจ 24 ชั่วโมง ส่วนกรณีจะครบรอบเหตุการณ์ปะทะที่มัสยิดกรือเซะ 28 เมษายนนี้ เชื่อว่า จนถึงขณะนี้ได้ทำความเข้าใจประชาชนมากขึ้นแล้ว แต่กลุ่มผู้ก่อเหตุก็ยังต้องการจะก่อเหตุและพยายามหาช่องว่าง ปลุกเร้าสถานการณ์จากสิ่งที่กิดขึ้นในอดีต และพยายามทำให้เป็นประโยชน์กับตัวเอง แต่ย้ำว่าการดำเนินการทุกอย่างที่ผ่านมาปฏิบัติตามกฎหมาย และยืนยันการบังคับใช้กฎหมายมีความเข้มงวด โดยมีการดำเนินการลงโทษไปหลายราย ขณะเดียวกันก็มีผู้กลับใจมาตรา 21 เข้ามอบตัว และรับการอบรมเป็นผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก