จนท.เร่งราดน้ำรางรถไฟให้คืนรูปหลังจากบิดเบี้ยวเพราะร้อนจัด
เจ้าหน้าที่การรถไฟพบความผิดปกติของรางรถไฟบริเวณใกล้ด่านประชานิเวศ-วัดเสมียนารี บิดเบี้ยวผิดรูป ทำให้เจ้าหน้าที่รถไฟต้องราดน้ำ และใช้ฆ้อนทุบ เพื่อให้รางคืนรูป โดยจุดที่พบปัญหามีระยะทางประมาณ 20เมตร คาดว่าเกิดจากสภาพอากาศที่ร้อนขัดซึ่งเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า สาเหตุที่รางรถไฟบิดเบี้ยวผิดรูปเกิดจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด สำหรับการเดินรถไฟก็ยังเป็นปกติ ซึ่งหากถึงจุดที่พบความผิดปกติ เจ้าหน้าที่จะสับรางไปใช้ในรางที่ไม่มีปัญหา
ขณะที่ปรากฎการณ์แผ่นดินร้อน ที่บริเวณหมู่ที่ 9 ตำบลหนองกระท้าว อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ยังมีประชาชนจำนวนมากเดินทางไปชมปรากฏการณ์ไม่ธรรมดาครั้ง แม้ว่าสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 จังหวัดพิษณุโลก จะประกาศห้ามประชาชนเข้าใกล้บริเวณที่เกิดเหตุ หลังตรวจพบสารคาร์บอนไดซัลไฟล์ และซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ส่วนการเข้าตรวจสอบสารพิษซ้ำอีกครั้งในวันนี้ (26 เม.ย.) เจ้าหน้าที่ยังคงพบสารทั้ง 2 ชนิดในระดับเดียวกับเมื่อวานนี้ (25 เม.ย.)
ชาวบ้านส่วนใหญ่ในพื้นที่ ต่างไม่เชื่อข้อสันนิฐานของเจ้าหน้าที่ ที่สรุปว่า ชั้นดินในบริเวณนี้มีการสะสมของซากพืช ซากสัตว์ จนเกิดเป็นก๊าซมีเทน เมื่อเกิดการติดไฟจึงลุกไหม้ต่อเนื่อง ที่เรียกว่าปรากฏการณ์เตาเผาธรรมชาติ เพราะจากการสังเกตไม่พบว่ามีกลุ่มควันเหมือนการเผาถ่าน แต่มีกลิ่นดินเผาไหม้รุนแรง จึงเรียกร้องให้มีการขุดพิสูจน์ และหาวิธีการยุติการเผาไหม้โดยเร็ว ซึ่ง นายทินกร ทาทอง ผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากรธรณี ระบุว่า อากาศที่ร้อนผิดปกติในช่วงนี้ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เกิดดินร้อนลุกเป็นไฟ และยังย้ำว่าความร้อนที่อยู่ใต้ดินจะหมอดดับไปเองตามธรรมชาติภายใน 7 วัน และมีวิธีการดับไม่ยาก
ขณะที่แพทย์ และพยาบาลโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชนครไทย จังหวัดพิษณุโลก เข้าตรวจอาการของ นายออม จันทร์เขียว ผู้ได้รับบาดเจ็บจากการเข้าช่วยผู้ที่ตกลงไปบริเวณหลุมดินร้อน ได้สอบถามชาวบ้านว่าอาการผิดปกติจากการสูดดมอากาศที่มีการปนเปื้อนสารพิษในพื้นที่หรือไม่ เบื้องต้นแม้ยังไม่พบผู้มีอาการผิดปกติรุนแรง แต่มีชาวบ้านบางส่วนเกิดอาการแสบจมูก และหน้ามืด เนื่องจากอากาศร้อน และกลิ่นเหม็นที่รุนแรง แพทย์จึงแจ้งให้ญาติเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด หากมีอาการรุนแรงขึ้น ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อวินัจฉัยอาการโดยด่วนต่อไป