สพฐ.เสนอตั้งโรงเรียนคู่แฝด-ขยายช่องทางรับนร.แก้ปัญหาคัดเด็กเข้าม. 4
โดยระบุว่า โรงเรียนหลายแห่งมีการเรียกรับเงินแป๊ะเจี๊ยตั้งแต่ 50,000-1,500,000 บาท โดยเฉพาะที่โรงเรียนบดินทรเดชาฯ ซึ่งมีพยานบุคคลจากกลุ่มผู้ปกครองว่า ทางโรงเรียนเรียกรับเงิน 200,000-300,000 บาท ซึ่ง ปปง.ได้รับเรื่องไว้ตรวจสอบและจะเรียกพยานหลักฐานเพิ่มเติมในภายหลัง
วันเดียวกัน มีการประชุมร่วมกันระหว่างผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาทั่วประเทศ และผู้อำนวยการโรงเรียนที่มีการแข่งขันสูงเพื่อวางแนวทางแก้ปัญหาการรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 รวมทั้ง กรณีปัญหานักเรียนโรงเรียนบดินทรเดชาไม่ได้เข้าศึกษาต่อในชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 4 ในโรงเรียนเดิม โดยนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า เบื้องต้นเตรียมเสนอทางเลือกไว้ 3 แนวทางให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการพิจารณา โดยแนวทางแรก จะเสนอให้พัฒนาโรงเรียนคู่พัฒนาให้เป็นเนื้อเดียวกันกับโรงเรียนที่มีชื่อเสียง โดยให้มีการแลกเปลี่ยนทางวิชาการ รวมทั้งใช้บุคลากรครูของโรงเรียนหลัก ซึ่งแนวทางดังกล่าวมองว่า สามารถดำเนินการได้ทันที
ส่วนแนวทางที่ 2 คือ ให้ตั้งโรงเรียนคู่แฝด โดยใช้ชื่อเดียวกับโรงเรียนที่มีชื่อเสียง แต่แนวทางนี้ต้องใช้เวลาจัดตั้งและแนวทางสุดท้าย คือ การขยายช่องทางให้นักเรียนได้เรียนต่อที่เดิม แต่ต้องคำนึงถึงการเพิ่มศักยภาพ รวมทั้งจำนวนห้องเรียนให้เพียงพอและเหมาะสม
ขณะเดียวกันเตรียมตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง เกี่ยวกับพฤติกรรมไม่โปร่งใสในการเรียกรับเงินของโรงเรียนบดินทรเดชฯ ภายใน 1 สัปดาห์ ซึ่งหากพบว่าเป็นจริง ก็จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยต่อไป ขณะที่การเยียวยานักเรียนจะหาช่องทางช่วยเหลือแต่ต้องคำนึงถึงกฎเกณฑ์ที่ทางกระทรวงฯกำหนดไว้ด้วย
เลขาธิการสพฐ. ยอมรับว่า หนักใจว่าจะเกิดการลอกเลียนแบบเช่นเดียวกับกรณีโรงเรียนบดินทรเดชาฯในพื้นที่อื่นและวันพรุ่งนี้ (22 พ.ค.) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะใช้วิธีการแก้ปัญหาในแนวทางใด