ปัญหาที่ยังไร้ทางออก กรณีเหตุวิวาทนักเรียนอาชีวะ
หลังเกิดเหตุตำรวจนำตัวนักเรียนที่อยู่บนรถเมล์มาสอบสวนและทราบว่า นักเรียนที่ก่อเหตุเป็นรุ่นพี่ของโรงเรียนคู่อริ แต่ยังอยู่ระหว่างการขอภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงมาตรวจสอบ เป็นหลักฐานดำเนินคดีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 พ.ค.) ถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์ที่กลุ่มนักเรียนอาชีวะได้อาวุธปืนยิงใส่คู่อริที่กำลังโดยสารมาบนรถเมล์ จนกระสุนพลาดไปถูกบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง ก่อนหน้านี้ กรณีรถเมล์สาย 129 คนที่ถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บก็เป็นพนักงานธนาคารที่เป็นผู้โดยสาร
พล.ต.ต. สาโรจน์ พรหมเจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยอมรับว่า ในช่วงเปิดภาคการศึกษาของนักเรียนอาชีวะ มักจะเป็นช่วงที่มีการทะเลาะวิวาทบ่อยครั้ง ทำให้ตำรวจต้องปรับมาตรการป้องกันให้เข้มข้นมากขึ้นโดยการเพิ่มกำลังของเจ้าหน้าที่ประจำตามจุดที่มักจะมีการทะเลาะวิวาทอย่างทั่วถึง จัดรถสายตรวจลาดตระเวน
ส่วนการดูแลความปลอดภัยของพนักงานและผู้โดยสารบนรถประจำทาง นายนเรศ บุญเปี่ยม รองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถของ ขสมก. ยืนยันว่า ขสมก.ได้มีมาตรการเฝ้าระวังการเกิดเหตุร้ายบนรถประจำทาง โดยกำหนดวิธีการขับและการจอด รวมทั้งการเปิดไฟสูงเพื่อขอความช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
ขณะที่มีเสียงสะท้อนจาก พนักงาน ขสมก. ที่ต้องอยู่ในสภาพเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง เรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งออกมาตรการแก้ปัญหาและมีลงโทษสถานศึกษาที่ปล่อยปละละเลยอย่างจริงจัง
ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการหน่วยงานที่รับผิดชอบสถาบันอาชีวะศึกษา แม้ก่อนหน้านี้จะมีมาตรการเด็ดขาดแต่ปัญหานี้ก็ไม่สามารถแก้ไขได้อย่างถาวร มาตรการที่เร่งด่วนจาก2 เหตุการณ์ที่ผ่านมา จึงทำได้เพียง เรียกผู้บริหารมาตักเตือนและให้หามาตรการควบคุม นอกจากนี้ก็มีการคาดโทษห้ามสถานศึกษารับนักเรียนชั้นปีที่ 1 ในปีถัดไป แต่หลายฝ่ายยังมองว่าทั้งหมดนี้คือการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ