DSI เตรียมนำกรณี กทม.ขยายสัมปทาน BTS ประชุมว่าจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ 27 มิ.ย.
นายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ พร้อมนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือถึงนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เพื่อตรวจสอบการขยายสัญญาจ้างเดินรถระหว่างกรุงเทพมหานคร โดย บริษัทกรุงเทพธนาคม และบริษัทขนส่งมวลชน หรือ บีทีเอสซีออกไปอีก 17 ปี เป็น 30 ปี
นายพร้อมพงษ์ กล่าวว่า ภายหลังกระทรวงมหาดไทยทำหนังสือตอบกลับมายังดีเอสไอ ว่า กทม.ไม่มีอำนาจในการอนุมัติขยายสัมปทานรถไฟฟ้าบีทีเอส ดังนั้นการกระทำของ กรุงเทพมหานคร น่าจะไม่ชอบด้วยกฏหมาย ส่อว่าจะเป็นการทำนิติกรรมอำพรางที่มีความเกี่ยวพันถึงกลุ่มทุน และกลุ่มการเมืองบางกลุ่ม การกระทำดังกล่าวน่าจะเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของข้าราชการระดับสูงของกรุงเทพมหานคร ที่อาจเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อเอกชน ซึ่งคดีนี้มีความซับซ้อน มีผลกระทบต่องบประมาณ เศรษฐกิจการคลังของประเทศ จึงขอให้ ดีเอสไอพิจารณานำคดีนี้เป็นคดีพิเศษ
ด้านนายจิรายุ กล่าวเรียกร้องให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าวรวมถึงสาเหตุที่กทม.ไม่ทำสัญญาโดยตรงกับ บีทีเอสซี แต่กลับจ้าง กรุงเทพธนาคมเป็นผู้ดำเนินการ โดยตั้งข้อสังเกตุว่า เป็นการเอื้อประโยชน์ให้บุคคลใดหรือไม่
ขณะที่ นายธาริต อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ทำหนังสือตอบกลับมายังดีเอสไอว่า อำนาจการขยายสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าบีทีเอส เป็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ดังนั้นอาจมีผลต่อสัญญาที่ กทม.โดยกรุงเทพธนาคมทำกับ บีทีเสซี ไม่สมบูรณ์ซึ่งต้องว่ากันไปในทางแพ่ง แต่ทางอาญาจากข้อมูลดังกล่าวเพียงพอที่จะนำเสนอคณะกรรมการคดีพิเศษให้พิจารณารับเป็นคดีพิเศษแล้ว จึงเตรียมเสนอที่ประชุมในวันที่ 27 มิ.ย.นี้ พร้อมยืนยันว่า เป็นกระบวนการทำงานตามปกติ ไม่ใช่เพราะนายพร้อมพงษ์และนายจิรายุเป็นผู้ยื่น หากมีการรับเรื่องดังกล่าวเป็นคดีพิเศษแล้วจะให้สิทธิ กทม.ในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์