ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"ทรัมป์" เซ็นคำสั่งเผยเอกสารคดีลอบสังหาร "จอห์น เอฟ. เคนเนดี"

ต่างประเทศ
24 ม.ค. 68
06:50
0
Logo Thai PBS
"ทรัมป์" เซ็นคำสั่งเผยเอกสารคดีลอบสังหาร "จอห์น เอฟ. เคนเนดี"
"ทรัมป์" เซ็นคำสั่งเผยเอกสารคดีลอบสังหารอดีตประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี และอีก 2 บุคคลสำคัญ ขณะที่เม็กซิโกเริ่มเตรียมแผนรับมือผู้อพยพที่อาจถูกขับออกจากสหรัฐฯ แล้ว

เมื่อวันที่ 23 ม.ค.2568 ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งถอดสถานะชั้นความลับของเอกสารรัฐบาล ที่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารอดีตประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี (JFK), วุฒิสมาชิกโรเบิร์ต เคนเนดี และ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์

ทรัมป์เคยสัญญาไว้ในช่วงหาเสียงว่าจะเผยแพร่เอกสารข่าวกรองและเอกสารต่าง ๆ ที่เป็นความลับเกี่ยวกับการลอบสังหาร JFK ประธานาธิบดีคนที่ 35 ของสหรัฐฯ ในปี 1963 หลังจากพยายามเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวระหว่างเป็นประธานาธิบดีสมัยแรก แต่ถูกแรงกดดันจากสำนักข่าวกรองกลาง และสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ เกี่ยวกับเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ จึงยอมล้มเลิกไป

การลอบสังหาร JFK เป็นสิ่งที่คนทั่วโลกสนใจและมีทฤษฎีสมคบคิดมากมายเกี่ยวกับเหตุสะเทือนโลกครั้งนั้น ทำให้ทั่วโลกจับตามองความเคลื่อนไหวครั้งนี้ของผู้นำสหรัฐฯ อย่างยิ่ง

อ่านข่าว : ทรัมป์เตรียมเปิดเอกสารลับ ลอบสังหาร JFK และอีก 2 บุคคลสำคัญ

ศาลรัฐวอชิงตันขวางคำสั่งคว่ำสถานะพลเมืองโดยกำเนิด

ขณะที่ประเด็นนโยบายผู้อพยพมีความเคลื่อนไหวน่าสนใจไม่แพ้กัน อัยการสูงสุดรัฐวอชิงตัน เปิดเผยว่า ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลาง ในนครซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน ประกาศคำสั่ง ซึ่งมีผลระงับการบังคับใช้คำสั่งฝ่ายบริหาร ที่ออกโดยรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับการยกเลิกสิทธิการได้รับสถานะพลเมืองโดยกำเนิดของทารกที่เกิดในแผ่นดินสหรัฐอเมริกา

โดยศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ในรัฐวอชิงตัน ระบุว่า คำสั่งฝ่ายบริหารดังกล่าว เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งดังกล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาซึ่งเป็นวันแรกของการปฏิบัติหน้าที่หลังสถาบันตนรับตำแหน่ง

ความเคลื่อนไหวนี้นับเป็นอุปสรรคทางกฎหมายที่ทรัมป์ต้องเผชิญหลัง ก่อนหน้านี้มีกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเมืองและอัยการสูงสุดจาก 22 รัฐที่ยื่นเรื่องฟ้องร้องคัดค้านว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ

ภายใต้คำสั่งดังกล่าวของทรัมป์ หน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาลสหรัฐฯ จะไม่ยอมรับสถานะพลเมืองของเด็กที่เกิดในสหรัฐฯ หากไม่มีพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งเป็นพลเมืองอเมริกัน หรือเป็นผู้เป็นผู้มีถิ่นพำนักถาวรในสหรัฐฯ ทำให้ทารกที่เกิดในสหรัฐอเมริกานับจากวันที่ 19 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป จะไม่ได้รับสิทธิในการเป็นพลเมืองสหรัฐฯ โดยอัตโนมัติ และอาจถูกเนรเทศ รวมถึงไม่ได้รับสิทธิ์ในการออกเลขประจำตัวประกันสังคม ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียสิทธิในการเข้าถึงสวัสดิการต่าง ๆ

ใครก็ตามที่เกิดในแผ่นดินสหรัฐฯ ได้รับสิทธิการเป็นพลเมืองโดยกำเนิดตลอดกว่า 150 ปีที่ผ่านมา หลังจากบทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ฉบับที่ 14 ตราเป็นกฎหมายเมื่อปี 1868

จากความเคลื่อนไหวนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศว่ารัฐบาลของเขาจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินของผู้พิพากษาที่มีผลระงับการบังคับใช้คำสั่งฝ่ายบริหารดังกล่าว

จับตาผู้นำสหรัฐฯ ส่งทหาร 10,000 นาย ลงพรมแดนใต้

นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ยังเดินหน้าป้องกันพรมแดนทางตอนใต้ของประเทศที่ติดกับเม็กซิโก โดยรายงานจากสื่อท้องถิ่นที่เข้าถึงเอกสารข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ชี้ว่า ทรัมป์อาจจะกำลังเตรียมออกคำสั่งส่งทหารประมาณ 10,000 นาย ประจำการบริเวณพรมแดน เพื่อสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตระเวนชายแดน ป้องกันไม่ให้ผู้อพยพทะลักเข้าประเทศ

คำสั่งดังกล่าวอ้างเหตุผลว่า ผู้อพยพเหล่านี้เดินทางผ่านประเทศที่มีโรคติดต่อ แต่ไม่ระบุชัดเจนถึงความเสี่ยงทางด้านสาธารณสุข

ก่อนหน้านี้ รักษาการรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ทางกระทรวงกำลังจะส่งทหารบกอย่างน้อย 1,500 นาย ไปยังพรมแดนทางตอนใต้ ซึ่งน่าจะเป็นชุดแรกที่เข้าไปเสริมกำลังทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณดังกล่าวประมาณ 2,500 นาย ทหารเหล่านี้ส่วนหนึ่งจะเข้าไปขับเครื่องบินทหาร เพื่อสนับสนุนกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิส่งกลับผู้อพยพที่ถูกกักตัวไว้ก่อนหน้านี้

ชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโกในเมืองเอลพาโซ รัฐเท็กซัส เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2025

ชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโกในเมืองเอลพาโซ รัฐเท็กซัส เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2025

ชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโกในเมืองเอลพาโซ รัฐเท็กซัส เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2025

เม็กซิโกตั้งค่ายเตรียมรับผู้อพยพ

ด้านทางการเม็กซิโกตั้งเต็นท์พักแรมขนาดใหญ่ในเมืองซิอูดัด ฮัวเรซ ซึ่งอยู่ติดกับสหรัฐฯ เพื่อเตรียมพร้อมรับคลื่นผู้อพยพชาวเม็กซิกันที่อาจต้องเดินทางกลับประเทศ ภายใต้นโยบายเนรเทศผู้อพยพครั้งใหญ่ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่

ศูนย์พักพิงชั่วคราวแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการของรัฐบาลเม็กซิโกที่จะจัดเตรียมศูนย์พักพิงผู้อพยพใน 9 เมืองทั่วพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศ นอกจากนี้ รัฐบาลเม็กซิโกยังวางแผนที่จะจัดตั้งศูนย์รับตัวผู้อพยพในเมืองชายแดนต่างๆ ที่อยู่ติดกับสหรัฐอเมริกา รวมทั้งจัดเตรียมรถโดยสารเพื่อจัดส่งชาวเม็กซิกันจากศูนย์ดังกล่าวกลับภูมิลำเนาด้วย

อ่านข่าว : "สมรสเท่าเทียม" เปิดประตูคู่รัก สิทธิมรดก-การยินยอมทางการแพทย์

สิทธิ-เสรีภาพ ของครอบครัวในยุคสมรสเท่าเทียม

เปิดกำหนดการ งานสมรสเท่าเทียม ครั้งแรกของไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง