วิปรัฐบาลผลักดันลงมติแก้รัฐธรรมนูญ
นายอุดมเดช รัตนเสถียร ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือวิปรัฐบาล เปิดเผยว่า ในการเรียกประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 8 มิถุนายน ประธานรัฐสภาจะนำกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้รัฐสภาระงับการพิจารณาลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 มาขอความเห็นในที่ประชุม เนื่องจากยังมีความเห็นต่างของสมาชิกที่เห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจระงับการพิจารณาลงมติได้ ซึ่งทีประชุมมีมติอย่างไร ก็จะมีการดำเนินการตามนั้น ส่วนพระราชบัญญัติปรองดองคาดว่าจะมีการพิจารณาในสมัยประชุมหน้า โดยจะเสนอปิดสมัยประชุมสภาฯหลังจากรัฐบาลให้ความเห็นชอบกฎหมายสำคัญก่อน
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐสภาจะไม่ทำตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ เพราะจะยิ่งสร้างความขัดแย้งให้บ้านเมือง และนำมาซึ่งการตีความว่าการลงมติจะเป็นโมฆะหรือไม่ โดยสิ่งที่รัฐบาลควรทำคือการเร่งเสนอพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุมสภาฯ เพื่อให้ทุกฝ่ายทำความเข้าใจร่วมกันทั้งกฎหมายปรองดอง และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก่อนที่จะมีการเปิดประชุมสภาฯอีกครั้งในเดือนสิงหาคม
ด้านคณะนิติราษฎร์ให้ความเห็นผ่านทางเว็บไซต์ ระบุว่าคำสั่งที่ให้รัฐสภาระงับการพิจารณาลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 เนื่องจากเหตุของการเสนอคำร้องต้องเป็นการกระทำของบุคคลหรือพรรคการเมือง แต่กรณีนี้เป็นอำนาจของรัฐสภา ขณะที่ผู้มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญต้องเป็นอัยการสูงสุด โดยหากรัฐสภายอมรับในคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ จะส่งผลให้ศาลรัฐธรรมนูญกลายเป็นองค์กรที่อยู่เหนือรัฐธรรมนูญ และอยู่เหนือองค์กรรัฐทั้งหมด ถือเป็นการทำลายหลักนิติรัฐ-ประชาธิปไตยในที่สุด
ขณะที่นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่าการที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้อง ไม่ได้เป็นเจตนาที่จะขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากวินิจฉัยว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ศาลก็จะยกคำร้อง และต้องการให้ทุกฝ่ายมองการรับคำร้องในทางบวกว่าเป็นการลดความตึงเครียด และความหวาดระแวงของสังคมที่มีต่อรัฐบาล และรัฐสภาลงได้ พร้อมยืนยันว่าการพิจารณาเรื่องนี้ไม่ได้รับใบสั่งจากใคร และไม่กังวลว่าว่าจะมีการถูกยื่นถอดถอนหรือไม่
ด้านอัยการสูงสุดเตรียมแถลงข่าวในวันพรุ่งนี้เกี่ยวกับขั้นตอนตามกฎหมายจากกรณีบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ที่ทางอัยการสูงสุดจะต้องเป็นผู้พิจารณาและเป็นผู้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย