พนักงานชินเอ ไฮ-เทคเชื่อบริษัทคิดล้มสหภาพฯ รวมตัวร้อง ก.แรงงาน
หมายเรียกผู้ต้องหาจากสถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา ออกเมื่อวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา ถูกส่งให้ภูมิพัฒน์ ขจรพบ กรรมการสหภาพแรงงานชินเอไอเทค พร้อมกับกรรมการสหภาพอีก 3 คน เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันพยายามทำร้ายร่างกาย ซึ่งนายภูมิพัฒน์ ยืนยันว่า ไม่เคยรู้จักกับผู้กล่าวหา และก่อเรื่องทะเลาะวิวาท โดยพยายามแสดงความบริสุทธิ์ด้วยการเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอให้ดำเนินการสอบสวน ซึ่งเชื่อว่านี่คือการข่มขู่จาก บริษัทชินเอ ไฮเทค ที่ทำงานอยู่ให้ลดบทบาทของกรรมการสหภาพแรงงานในการเรียกร้องสิทธิให้กับคนงาน
นอกจากการแจ้งหมายเรียกกับกรรมการสหภาพทั้ง 4 คน บริษัทแห่งนี้ยังออกคำสั่งเลิกจ้างคณะกรรมการลูกจ้าง กรรมการสหภาพ และสมาชิกสหภาพรวม 176 คน พร้อมออกหนังสือให้คนงานทั้งหมดประมาณ 2,000 คน ที่รวมตัวกันนัดหยุดงานหลังจากทางสหภาพได้แจ้งเจ้าหน้าที่แรงงานขอใช้สิทธินัดหยุดงานตามกฎหมายตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน เนื่องจากไม่สามารถตกลงกับนายจ้างตามข้อเรียกร้องทั้ง 35 ข้อ ที่ไปรวมตัวกันที่ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา จ่ายเงินคนละ 200 ล้านบาทให้กับ บริษัทภายใน 7 วัน โดยอ้างว่าละทิ้งหน้าที่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่วันที่ 24-28 เมษายน จนนายจ้างได้รับความเสียหาย ทำให้คนงานหลายคนเกิดปัญหาครอบครัว จนทั้งหมดต้องเข้าร้องขอความเป็นธรรม และเรียกร้องให้บริษัทรับทุกคนกลับเข้าทำงานโดยไม่เลือกปฏิบัติ ที่กระทรวงแรงงานตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา
การเลิกจ้างกรรมการสหภาพแรงงาน และเรียกค่าเสียหายจากคนงาน ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย บอกว่า เป็นวิธีที่นายจ้างส่วนใหญ่เลือกใช้เพื่อลดอำนาจการต่อรองของสหภาพ โดย เชื่อว่านี่เป็นการกระทำที่ส่อไปในทางที่ต้องการล้มล้างสหภาพ แต่ก็ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่ามาจากสาเหตุใดเพราะที่ผ่านมาสหภาพฯ และนายจ้างมีสัมพันธ์ที่ดีมาโดยตลอด เห็นได้จากการขอลดโบนัสตัวเองในช่วงที่ บริษัทประสบปัญหาเศรษฐกิจเมื่อปี 2552 ซึ่งกระทรวงแรงงานต้องเข้าไปไกล่เกลี่ยปัญหานี้โดยเร็วที่สุด พร้อมกับชี้แจงให้นายจ้าง และลูกจ้างปรับเปลี่ยนทัศนคติที่ดีต่อกันทั้งการยอมรับ เรื่องการรวมตัว และขอบเขตการเจรจาต่อรองเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นใน อนาคต
ล่าสุดทีมข่าวไทย พีบีเอส ได้ติดต่อไปยัง บริษัทชินเอ ไฮเทค และได้รับการชี้แจงว่าจะดำเนินตามกฎหมายกับลูกจ้างทั้งหมดต่อไป แต่หากลูกจ้างไหนต้องการกลับเข้ามาทำงานก็ขอให้เข้ามาทำงานได้ และยืนยันว่าจะไม่รับคณะกรรมการลูกจ้าง กรรมการสหภาพ และสมาชิกสหภาพทั้ง 176 คนที่ออกคำสั่งเลิกจ้างกลับเข้าทำงาน
