ครม.เตรียมส่งหนังสือแจงศาลรธน. ภายใน 15 มิ.ย. หลังกฤษฏีกายันเสนอแก้ไขรธน.ไม่ขัดมาตรา 68

คณะรัฐมนตรีเตรียมส่งหนังสือชี้ศาลรัฐธรรมนูญ กรณีเสนอร่างแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ยืนยันเป็นการใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ ขณะที่นายกรัฐมนตรีบอก เรื่องการชะลอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญออกไปเพื่อสร้างบรรยากาศของการปรองดอง

ในการประชุมรัฐสภาเข้าสู่วาระการพิจารณาการให้ความเห็นชอบในหนังสือสัญญา หรือข้อตกลงระหว่างประเทศตามมาตรา 190 ซึ่งค้างการพิจารณาถึง 6 เรื่อง ขณะที่คณะรัฐมนตรีเตรียมส่งหนังสือเตรียมชี้ศาลรัฐธรรมนูญ กรณีเสนอร่างแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญมาตรา 291 โดยยืนยันว่าเป็นการใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ

นางสาวศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ (12 มิ.ย.) และมีการอ้างอิงถึงคำพูดของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนายกรัฐมนตรีในระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงการชะลอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ออกไป  ก็เพื่อลดความขัดแย้ง และให้ทุกฝ่ายได้มีเวลาทำความเข้าใจกันมากขึ้น

ขณะที่นายอัชพร จารุจินดา เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้เตรียมส่งเรื่องชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 15 มิถุนายนนี้ โดยจะมีการยืนยันว่าการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลนั้น เป็นไปตามมาตรา 291 ของรัฐธรรมนูญที่คณะรัฐมนตรีสามารถดำเนินการได้ และยังถือเป็นการคืนอำนาจให้กับประชาชนในการยกร่างรัฐธรรมนูญด้วยการผ่านการตั้งสสร.ด้วย นอกจากนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรียังเห็นชอบร่างพระราชกฤษฏีกาปิดสภาสมัยสามัญนิติบัญญัติในวันที่ 19 มิถุนายน ตามความเห็นของวิปรัฐบาล โดยสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะนำความกราบบังคมทูลต่อไป

โดยในคณะที่ประชุมยังได้มีการเห็นชอบที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เสนอขออนุมัติจ่ายเงินชดเชยให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเขื่อนราษีไศล และเงินชดเชยที่ดินเป็นกรณีพิเศษจากการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยตาจู จังหวัดศรีสะเกษ โดยมีการมอบหมายให้ร.ต.อ.เฉลิม เป็นประธานในการพิจารณาหลักเกณฑ์ช่วยเหลือประชาชน และให้สรุปหลักเกณฑ์ให้ความช่วยเหลือในโครงการอื่น ๆ ที่มีลักษณะเดียวกัน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ทั้งนี้ก่อนเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีได้มีการสรุปให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบเกี่ยวกับความคืบหน้าในการจ่ายเงินเยียวยา และความคืบหน้าในการป้องกันอุทกภัย ซึ่งได้มีการกำชับไม่ให้การเมืองเข้าไปแทรกแซง และป้องกันมิให้มีการปิดถนนของประชาชนเพื่อเรียกร้องการให้เงินช่วยเหลือเยียวยา โดยทางจังหวัดนั้นต้องมีการดูแลเยียวยาประชาชนไม่ให้เกิดปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นได้ นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้มีการเห็นชอบโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุนการศึกษาด้วย โดยมีการอนุมัติงบประมาณให้ 7,173 ล้านบาท ในการดำเนินการ