เครือข่ายผู้ปกครองร้อง ก.พัฒนาสังคมฯ แก้ไขปัญหาการพนันบอลในหอพัก
ผู้ประสานงานเครือข่ายผู้ปกครองในสถานศึกษา เรียกร้องให้สำนักงานส่งเสริมและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุ หรือ สท. เร่งติดตามตรวจสอบปัญหาการพนันในหอพักโดยเฉพาะช่วงฟุตบอลยูโร และเร่งดำเนินการให้หอพักที่ยังอยู่นอกระบบเข้ามาจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยหอพัก รวมถึงบูรณาการการทำงานร่วมกับสถาบันการศึกษา ให้เป็นหอพักสีขาวอย่างแท้จริง เนื่องจากกังวลว่าหากไม่มีการควบคุมจะทำให้เกิดนักพนันหน้าใหม่ ปัญหาเรียนไม่จบ ปัญหาอาชญากรรม ยกตัวอย่างกรณีล่าสุดที่ผู้ปกครองนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ที่เล่นพนันฟุตบอลผ่านอินเตอร์เน็ต ถูกตามทวงหนี้และถูกทำร้ายร่างกายในห้องน้ำโรงเรียน
โดยจากผลสำรวจพฤติกรรมและผลกระทบจากการเล่นพนันช่วงฟุตบอลยูโรของเครือข่ายเยาวชนไม่พนัน ที่ทำการสำรวจนักศึกษาทั้งชายและหญิงอายุ 16 ปีขึ้นไป จาก 10 มหาวิทยาลัย เช่น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา จำนวน 1,000 คน พบว่า ร้อยละ 45.1 เคยเล่นพนันในหอพัก โดยการพนันที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ ไพ่ร้อยละ 36.3 รองลงมาคือพนันบอล ร้อยละ 28.3 พนันออนไลน์ 10.5 โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 53.9 บอกด้วยว่าเคยเห็นการเดินโพยพนันฟุตบอลในหอพัก
นอกจากนี้เยาวชน 1 ใน 4 หรือร้อยละ 25.9 สนใจเล่นพนันบอลยูโรทุกคู่ และร้อยละ 33.5 บอกว่าจะเล่นเป็นบางคู่ ซึ่งจำนวนเงินที่จะนำมาเล่นนั้นอยู่ที่ 500 ถึง 2,000 บาทต่อคู่ ส่วนผลกระทบที่ตามมา ร้อยละ 26.48 มีหนี้สิน ต้องขายและจำนำสิ่งของ รองลงมาร้อยละ 18.14 ถูกทวงหนี้ กรรโชก และทำร้าย ร้อยละ 13.11 มีปัญหาครอบครัว ร้อยละ 7.68 คิดฆ่าตัวตาย และร้อยละ 4.21 บังคับให้แฟนมีเพศสัมพันธ์เพื่อใช้หนี้