ดีเอสไอเตรียมขยายผลผู้ต้องหาลักลอบขายยาแก้หวัด
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ พร้อมด้วย พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทร์ขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคงแถลงความคืบหน้าการสอบสวนคดีลักลอบนำเข้ายาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีน โดยระบุว่า ล่าสุดสามารถขยายผล พบว่ามีการลักลอบนำเข้ายาแก้หวัดผ่านทางด่านศุลกากร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิถึง 21 ครั้ง โดยในช่วงระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีการลักลอบนำเข้ายาแก้หวัดถึง 41 ครั้ง
และขณะนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษมีรายละเอียดการสำแดงเท็จ ขั้นตอนการสำแดงยาแก้หวัดผ่านด่านศุลกากร บริษัทที่นำเข้า และรายชื่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการลักลอบนำเข้ายาแก้หวัดนำไปเป็นสารตั้งต้นผลิตยาเสพติดมากกว่าการลักลอบนำยาแก้หวัดออกจากระบบของโรงพยาบาล โดยการลักลอบนำเข้ายาแก้หวัดมีปริมาณถึงร้อยละ 83 ขณะที่การลักลอบนำยาแก้หวัดออกจากระบบของโรงพยาบาลมีร้อยละ 17
ด้าน พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ กล่าวว่า ขั้นตอนการสอบสวนของดีเอสไอได้นำคดีเก่าที่เกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบนำเข้ายาแก้หวัดมารวบรวมจนสามารถเห็นภาพรวมของกระบวนการดังกล่าวอย่างชัดเจน รวมถึงตรวจสอบพยานบุคคล พยานเอกสาร และเส้นทางการเงิน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอเอกสารบางส่วนจึงเชื่อว่าอีกไม่นานจะสามารถระบุตัวผู้ที่เกี่ยวข้องได้ทั้งหมด
ส่วนการจับกุมผู้ต้องหา 2 คน คือ นางนรมน หรือนรมล หรือตุ่ม มูลสวัสดิ์ และนายพิเชษฐ์ เชื้อทอง ซึ่งทั้ง 2 คนถือเป็นตัวการใหญ่ที่ทำหน้าที่รวบรวมยาที่ลักลอบออกจากโรงพยาบาลแถบภาคอีสานไปส่งให้กลุ่มผู้ค้าที่ อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนนำไปส่งผลิตเป็นยาเสพติดที่ประเทศเพื่อนบ้าน
เบื้องต้นในส่วนนางนรมนถูกจับกุมในข้อหาสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนนายพิเชษฐ์ ถูกจับกุมข้อหาขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยา 2510 และในสัปดาห์หน้ากรมสอบสวนคดีพิเศษ จะออกหมายจับเพิ่มเติมอีก 4 ราย