ศิลปินชื่อดัง กับความผิดหวังบนโลกธุรกิจ

อาชีพศิลปินที่ไม่มั่นคงทำให้นักร้องและนักดนตรีมากมายหันไปทำธุรกิจนอกวงการบันเทิง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะประสบความสำเร็จ หลายคนต้องพบกับความผิดพลาดจนถึงล้มละลาย

แม้จะเป็นหัวหน้าวงบอยแบนด์ Westlife ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในทศวรรษที่ผ่านมาด้วยยอดขายกว่า 44 ล้านชุด แต่การตัดสินใจลงทุนกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของ เชน ฟีแลน เมื่อปี 2004 กลับเป็นต้นเหตุที่ทำให้นักร้องวัย 32 ปี ล้มละลาย จากสภาพธุรกิจที่ดินในประเทศไอร์แลนด์เข้าสู่สถาวะถดถอยช่วงไม่กี่ปีมานี้  ทำให้นักร้องพ่อลูก 3 ที่กำลังทัวร์คอนเสิร์ตอำลาวงการกับวง Westlife ต้องยื่นขอเป็นบุคคลล้มละลายกับศาลในสหราชอาณาจักร

ความล้มเหลวของศิลปินเมื่อหันมาทำธุรกิจมีให้เห็นตั้งแต่สมัยสี่เต่าทอง เช่นวง The Beatles ซึ่งโด่งดังสุดขีดในปี 1967 เปิดร้านขายของที่ระลึกของวงกลางกรุงลอนดอนในชื่อ Apple Boutique แต่ร้านขาดทุนจนต้องปิดตัวลงภายในเวลาเพียง 6 เดือน และทำให้วงสูญเงินไปกว่า 200,000 ปอนด์ ไม่ต่างจากปัจจุบันที่ศิลปินมากมายต้องหมดตัวจากการทำธุรกิจอย่างไม่ระมัดระวัง ตั้งแต่เอ็มซี แฮมเมอร์ แรปเปอร์ชื่อดังต้นยุค 90 กลายเป็นบุคคลล้มละลายเมื่อปี 1996 เพราะการลงทุนในธุรกิจม้าแข่ง บริทนีย์ สเปียร์ส ต้องถอนการเป็นหุ้นส่วนร้านอาหารที่เธอเปิดตัวเมื่อปี 2002 หลังจากโดนโจมตีตั้งแต่เรื่องเมนูอาหารจนถึงสภาพสุขอนามัยในร้าน หรือแม้แต่ศิลปินผู้กว้างขวางด้านธุรกิจอย่าง เจย์ซี เจ้าพ่อฮิปฮอป ก็เคยสูญเงินหลายสิบล้านดอลลาร์จากการเปิดตัว J Hotels โรงแรมห้าดาวของเขาเอง

ขณะที่ธุรกิจบนโลกไซเบอร์กำลังเติบโต ศิลปินรุ่นใหม่หลายคนหันมาสนใจ เช่น  ชากีรา และเซเลน่า โกเมซ ต่างหันมาลงทุนกับผู้ผลิตแอปลิเคชั่นและเว็บไซต์ แต่ที่ประสบความสำเร็จอย่างเห็นได้ชัดคือ จัสติน บีเบอร์ นักร้องวัย 18 ปีที่นิตยสาร Forbes ยกให้อยู่ในอันดับ 3 ของคนบันเทิงที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก โดยมีหุ้นอยู่ในธุรกิจไซเบอร์ชื่อดังหลายแห่ง ทั้ง Enflick, Tinychat และ Spotify เว็บไซต์ฟังเพลงที่ได้รับความนิยมทั่วโลก 

แต่การลงทุนในธุรกิจไซเบอร์อาจไม่ใช่โอกาสทำเงินเสมอไป เช่นในกรณีของ จัสติน ทิมเบอร์เลค ที่ทุ่มเงินกว่า 35 ล้านดอลลาร์ไปกับ MySpace เครือข่ายสังคมออนไลน์ซึ่งเสื่อมความนิยมไปแล้ว หรือ โบโน นักร้องนำวง U2 ที่เคยเป็นหนึ่งในร็อกสตาร์ที่รวยที่สุดในโลกจากการถือหุ้นในบริษัทกลุ่มทุน Elevation ซึ่งเป็นหุ้นส่วนกับ Facebook แต่กำลังอยู่ในช่วงขาลง เพราะผลิตภัณฑ์ค่ายแอปเปิ้ลที่เข้ามาตีตลาด ทำให้อุปกรณ์ PDA ตกรุ่นและทำให้ Elevation สูญเงินไปกว่า 400 ล้านดอลลาร์เมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้