กมธ.ต่างประเทศ หวั่นสหรัฐแทรกแซงทางการทหาร ปมขอใช้สนามบินอู่ตะเภา
ข้อสรุปคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภาที่มีนางพิกุลแก้ว ไกรฤกษ์ ส.ว.พิษณุโลก เป็นประธาน แสดงความเป็นห่วงว่าจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคง โดยเฉพาะกรณีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯขอใช้พื้นที่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา เพื่อตั้งศูนย์ปฏิบัติการด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติในอาเซียนที่อาจจะมีการใช้โครงการนี้ขยายต่อเนื่องไปในทางทหาร
ทั้งนี้คณะกรรมาธิการฯ เห็นว่าควรนำเรื่องดังกล่าวเข้าพิจารณาในที่ประชุมรัฐสภาตามมาตรา 190 วรรค 2 และควรพิจารณาอย่างระมัดระวัง และเห็นว่าควรเชิญประเทศเพื่อนบ้านมาร่วมโครงการนี้ด้วยเพื่อความโปร่งใส
สำหรับการหารือของคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.พรรคเพื่อไทยเป็นประธาน มีข้อกังวลในประเด็นขอบเขตการปฏิบัติงานและระยะเวลาโครงการ และต้องการทราบเกี่ยวกับขั้นตอนการทำงานทั้งหมด
นายธนะชัย ศิริสัมพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานสนามบินชี้แจงว่า เครื่องบินที่องค์การนาซ่าจะนำมาปฏิบัติการ เป็นเครื่องบินที่มีคนขับ รวมทั้งมีเครื่องบินของไทยจากสำนักฝนหลวงอีก 1 ลำ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ร่วมบินสำรวจด้วย พร้อมย้ำว่าไทยจะได้ประโยชน์จากโครงการนี้ในด้านอุตุนิยมวิทยา และการศึกษาสภาพภูมิอากาศ อีกทั้งการจัดการปัญหาภัยพิบัติ ส่วนข้อกังวลว่าจะมีประเด็นทางทหารแอบแฝงหรือไม่นั้น สามารถส่งผู้ปฏิบัติการในส่วนของไทย เข้าร่วมงานได้ เพื่อความโปร่งใส
ด้านนางสาววารุณี ปั้นกระจ่าง ผู้อำนวยการกองกฏหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่า กฏหมายเกี่ยวกับภารกิจกู้ภัยพิบัติธรรมชาติและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ได้ตรวจสอบตามระเบียบแล้วพบว่า ไม่เข้าข่ายรัฐธรรมนูญมาตรา 190 วรรค 2 ที่ต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา โดยเป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรีที่ให้ความเห็นชอบได้