โจนส์ แลง ลาซาลล์ร่วมกับลาซาลล์ อินเวสต์เม้นท์ แมเนจเม้นท์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ เผยแพร่รายงานฉบับรายสองปีที่มีชื่อว่า 2012 Global Real Estate Transparency Index ซึ่งเป็นการจัดอันดับความโปร่งใสของตลาดอสังหาริมทรัพย์ 97 แห่งทั่วโลก โดยพบว่า ดัชนีความโปร่งใสในตลาดอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ของโลกหรือเกือบ 90% มีการปรับตัวดีขึ้นในช่วงสองปีที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากการมีข้อมูลที่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานในตลาดและผลประกอบการของตลาดอสังหาริมทรัพย์เปิดเผยมากขึ้น กอปรกับการควบคุมดูแลที่ดีขึ้นในส่วนของการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทหรือกองทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศต่างๆ
ดัชนีความโปร่งใสที่ปรับตัวดีขึ้น จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ซื้อ ขาย ลงทุนหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากจะมีข้อมูลที่ถูกต้องมากขึ้นสำหรับใช้ประกอบการตัดสินใจใดๆ เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์
ในรายงานฉบับดังกล่าว ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยได้ถูกจัดอันดับความโปร่งใสในลำดับที่ 39 จากตลาดอสังหาริมทรัพย์ 97 แห่งทั่วโลกที่ครอบคลุมในรายงานฉบับนี้ ซึ่งเป็นลำดับเดิมที่เคยถูกจัดไว้ในรายงานฉบับประจำปี 2553 อย่างไรก็ดี พบว่า ตัวเลขดัชนีความโปร่งใสในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยมีการปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ รายงานฉบับดังกล่าวจัดระดับดัชนีความโปร่งใสไว้ในช่วง 1 ถึง 5 โดย 1 หมายถึงโปร่งใสมากที่สุดและ 5 หมายถึงไร้ความโปร่งใส โดยตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยมีดัชนีอยู่ที่ 2.94 เทียบกับปี 2553 ซึ่งมีดัชนีที่ระดับ 3.02, ปี 2551 ที่ 3.16 และปี 2549 ที่ 3.40
นางสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการ โจนส์ แลง ลาซาลล์ ประเทศไทยกล่าวว่า ดัชนีความโปร่งใสในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยที่ปรับตัวดีขึ้น มีปัจจัยสำคัญมาจากการที่ตลาดทุนของไทยมีความโปร่งใสมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากการที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในหมวดธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 60 บริษัทในปี 2553 เป็น 63 บริษัทในปัจจุบัน และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เพิ่มจำนวนขึ้นจาก 26 กองเป็น 38 กองในช่วงเดียวกัน ซึ่งทั้งบริษัทและกองทุนที่จดทะเบียนในตลาดจะถูกควบคุมดูแลอย่างเข้มงวดให้มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างเป็นระบบและสม่ำเสมอ ซึ่งมีส่วนอย่างมากในการช่วยเพิ่มความโปร่งใสให้กับตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทย
นางสุพินท์กล่าวว่า ทั้งนี้ แนวโน้มนี้กำลังขยายตัวมากขึ้น โดยเฉพาะการเปิดให้มีการจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trusts: REITs) ในประเทศไทยในปีนี้ ซึ่งจะสามารถในอสังหาริมทรัพย์ได้หลากหลายประเภทขึ้นเมื่อเทียบกับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ อาทิ อสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงพยาบาล การศึกษา ไปจนถึงสนามกอล์ฟ
นายคริส ฟอสสิค กรรมการผู้จัดการโจนส์ แลง ลาซาลล์ภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กล่าวว่า “กลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่อยู่ในรายงานฉบับนี้ ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ซึ่งพบว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของทุกประเทศมีดัชนีความโปร่งใสปรับตัวดีขึ้นมากในช่วงสองปีที่ผ่าน โดยมีสามประเทศที่เข้าไปอยู่ในกลุ่ม 10 ประเทศของโลกที่มีดัชนีความโปร่งใสของตลาดอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวดีขึ้นมากที่สุด ได้แก่ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม ซึ่งเป็นผลมาจากการที่มีข้อมูลเกี่ยวกับตลาดอสังหาริมทรัพย์เปิดเผยมากขึ้น รวมถึงมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบและกระบวนการต่างๆ ในส่วนที่เกี่ยวกับการดำเนินธุรกรรมการซื้อขาย”
“การปรับตัวดีขึ้นของดัชนีความโปร่งใสในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังมีความสัมพันธ์กับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่ไหลเข้ามาในอาเซียนด้วย โดยเฉพาะอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ซึ่งการลงทุนจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นในอาเซียนสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนจากทั่วโลกในศักยภาพการเติบโตของภูมิภาคนี้”