ก.ไอซีที เตรียมลงนามสั่งแท็บเล็ตล็อต 2 พรุ่งนี้ แต่ล็อตแรกยังไม่มีการตรวจรับรองมาตรฐาน
เครื่องแท็บเล็ตป.1 ล็อตแรก 400,000 เครื่อง ที่รัฐบาลไทย ทำสัญญาจัดซื้อกับบริษัท เสิ่นเจิ้นสโคปฯ ประเทศจีน ทะยอยส่งมาแล้วกว่า 46,000 เครื่องนับตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมที่ส่งมอบเป็นครั้งแรก และหากรวมวันพรุ่งนี้ด้วย(9 ก.ค.) ก็จะมีเครื่องมาถึงไทยแล้วเกือบ 60,000 เครื่อง แต่ในจำนวนเครื่องแท็บเล็ตทั้งหมด ที่ส่งมาถึงไทย กลับพบว่จนถึงขณะนี้ คณะกรรมการตรวจรับ ของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที ยังไม่เริ่มตรวจรับรองมาตรฐานแม้แต่เครื่องเดียว
นายสมบูรณ์ เมฆไพบูลย์วัฒนา ประธานคณะกรรมการตรวจรับพัสดุการจัดซื้อแท็บเล็ต ชี้แจงว่า เครื่องล็อตแรก 400,000 เครื่องนั้น ไอซีทีจะสุ่มตรวจไม่น้อยกว่า 35,000 เครื่อง แต่ที่ยังไม่เริ่มกระบวนการ เพราะต้องการรอเครื่องแท็บเล็ต ที่ทยอยมาเพิ่มเติมในวันพรุ่งนี้ เพิ่มอีกกว่า 10,000 เครื่อง เพื่อสุ่มตรวจไปพร้อมๆ กัน ซึ่งการสุ่มตรวจไม่น้อยกว่า 35,000 เครื่อง จะต้องมีเครื่องที่ได้มาตรฐานไม่น้อยกว่าร้อยละ 0.65 หรือ จำนวน 228 เครื่อง จึงจะผ่านมาตรฐานการตรวจสอบทั้งหมด แต่หากไม่เป็นไปตามนั้น เครื่องที่อยู่ในไทยแล้ว จะถูกส่งคืนให้บริษัท แก้ไขทันที
ทั้งนี้โครงการดังกล่าว พรรคเพื่อไทยใช้หาเสียงการเลือกตั้งปี 2554 และเริ่มต้นอย่างจริงจังในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2555 คณะรัฐมนตรี แต่งตั้งคณะกรรมการแท็บเล็ต จำนวน 14 คน มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน และมีรัฐมนตรีไอซีที ร่วมเป็นคณะกรรมการ โดยให้ใช้วิธีดำเนินการแบบรัฐต่อรัฐ จัดหาจำนวน 900,000 เครื่อง ในวงเงินงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ 1,900 ล้านบาท ตั้งเป้าส่งมอบให้เด็กๆ 800,000 คน ได้ทันในช่วงเปิดเทอมเดือนพฤษภาคม
จากนั้น คณะกรรมการแท็บเล็ต ได้ตั้งคณะทำงานอีก 2 ชุด เพื่อพิจารณาคุณสมบัติเครื่องแท็บเล็ต ให้เป็นไปตามคุณสมบัติที่กำหนดไว้ ส่วนอีกชุด พิจารณาการจัดซื้อจัดหา โดยกระทรวงไอซีที ผู้รับผิดชอบ ซึ่งในระหว่างนั้น ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ทั้ง 2 กระทรวง และคณะกรรมการแท็บเล็ต ไม่มีใคร เปิดเผยรายละเอียดที่จะดำเนินการ อย่างชัดเจน ท่ามกลางปัญหาความไม่ลงรอยกันระหว่างรัฐมนตรีไอซีที และศึกษาธิการ
จนกระทั่ง ปลายเดือน ปลายเดือน 21 มีนาคม 2555 คณะรัฐมนตรีสัญจร ที่จังหวัดภูเก็ต ได้อนุมัติโครงการนี้อีกครั้ง โดยปรับเพิ่มการจัดซื้อจาก 900,000 เครื่อง เป็น 1,000,000 เครื่อง และอนุมัติวงเงินจัดซื้อจาก 1,900 ล้านบาท เป็นไม่เกิน 3,000 ล้านาท และให้กระทรวงไอซีที โดยสาระสำคัญ อยู่ที่การปรับเปลี่ยนจากจีทูจี ที่เอาสินค้าแลกสินค้า มาเป็นเป็น จีทูจี ในรูปแบบทำสัญญาโดยตรงกับบริษัท เสิ่นเจิ้น สโคป ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ ที่รัฐบาลจีนรับรอง
ส่วนการกำหนดรายละเอียดต่างๆ ไอซีที เปิดเผยแค่เรื่องการกำหนดคุณสมบัติ หรือ ทีโออาร์เท่านั้น ส่วนรายละเอียดการทำสัญญาที่ชัดเจนนั้น แม้สื่อมวลชนได้เรียกร้องให้เปิดเผย แต่ก็ฝ่ายเกี่ยวข้องต่างก็ปฎิเสธต่อเนื่อง ซึ่งยังต้องจับตา ถึงผลการตรวจมาตรฐานเครื่องแท็บเล็ตว่า จะเกิดปัญหาใดตามมาอีกหรือไม่ หลังจาก ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่าการสุ่มตรวจเบื้องต้นสำหรับเครื่องตัวอย่างที่กระทรวงไอซีที นำมาตรวจนั้น เกิดปัญหาคณสมบัติไม่ตรงกับที่กำหนดไว้ ในบางเรื่อง