นายสมบูรณ์ เมฆไพบูลย์วัฒนา ประธานคณะกรรมการตรวจรับพัสดุการจัดซื้อแท็บเล็ต กระทรวงไอซีที กล่าวว่า แท็บเล็ตล็อตแรกจำนวน 400,000 เครื่องนั้น จะต้องมีเครื่องไม่น้อยกว่า 35,000 เครื่องสำหรับสุ่มตรวจ แต่ที่ยังไม่เริ่มดำเนินการ เพราะต้องการรอเครื่องแท็บเล็ต ที่ทยอยมาเพิ่มเติมในวันนี้(9ก.ค.55) อีกกว่า 10,000 เครื่อง เพื่อสุ่มตรวจไปพร้อมๆ กัน
ในการสุ่มตรวจจำนวนเครื่องนั้น ต้องมีเครื่องที่ได้มาตรฐานไม่น้อยกว่า ร้อยละ 0.65 หรือ จำนวน 228 เครื่อง จึงจะผ่านมาตรฐานการตรวจสอบทั้งหมด มิฉะนั้นเครื่องที่อยู่ในไทยแล้ว จะถูกกลับคืนให้บริษัท เพื่อแก้ไขทันที สอดคล้องกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที ทีได้ยืนยันระหว่างการรับมอบเครื่องแท็บเล็ตลอตแรกว่า ต้องส่งคืนจีน หากภาพรวมมีปัญหา
สำหรับโครงการนี้ เริ่มขึ้นช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีกำหนดให้ใช้วิธีดำเนินการแบบรัฐต่อรัฐ จัดหาจำนวน 900,000 เครื่อง ในวงเงินงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ 1,900 ล้านบาท มีเป้าหมายส่งมอบให้เด็กรวม 800,000 คน ต่อมาเดือนมีนาคม คณะรัฐมนตรี อนุมัติจัดซื้อเพิ่มเป็น 1,000,000 เครื่อง พร้อมอนุมัติวงเงินจัดซื้อเป็นไม่เกิน 3,000 ล้านบาท
ส่วนงบประมาณการจัดซื้อเครื่องล็อตแรก 400,000 เครื่องนั้น กระทรวงศึกษาธิการให้งบประมาณ 2555 มาแล้ว 1,741 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ครอบคลุมถึง 6 แสนเครื่อง ทั้งนี้ ต้องจับตาผลการตรวจมาตรฐานเครื่องแท็บเล็ตว่า จะเกิดปัญหาใดตามมาอีกหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้มีรายงานการสุ่มตรวจเบื้องต้นเครื่องตัวอย่าง เกิดปัญหาคุณสมบัติไม่ตรงกับที่กำหนดไว้ โดยในช่วงบ่ายวันนี้ (9ก.ค.55) กระทรวงไอซีที จะลงนามในสัญญากับบริษัท เสิ่นเจิ้น เพื่อจัดซื้อเครื่องแท็บเล็ตล็อตที่ 2 เพิ่มเติมอีกกว่า 403,000 พันเครื่อง รวม 2 ล็อตที่ลงนามสัญญา จะทำให้มีแท็บเล็ตที่บริษัท เสิ่นเจิ้น ต้องส่งมอบให้ไทย รวมเกือบ 900,000 เครื่อง แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่านักเรียนสามารถใช้แท็บเล็ตได้เมื่อไร