150 ปีชาตกาล
"The Kiss" ถูกวาดขึ้นระหว่างปี 1907 - 1908 ช่วงที่คลิมต์มีอายุได้ 45 ปี แม้จะยังโสดและอาศัยอยู่กับแม่และน้องสาว แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าเขาแอบมีความสัมพันธ์ลับ ๆ กับหญิงสาวผู้ที่มาเป็นแบบให้กับเขานับไม่ถ้วน ความหลงใหลในอิสตรีโดยเฉพาะสาวผมแดง เป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ปรากฏอยู่ในงานศิลปะที่เน้นความสุนทรียทางเพศหลายชิ้นของเขา
แต่หญิงสาวที่เป็นแรงบันดาลใจกับเขามากที่สุดได้แก่ "เอมิลี โฟลเก่" ดีไซเนอร์สาวที่ปรากฏอยู่ในภาพวาดหลายชิ้นของศิลปินใหญ่ และเชื่อกันว่า The Kiss คือหลักฐานแสดงความผูกพันของทั้งสอง โดยภาพชายหญิงยืนอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ แสดงองค์ประกอบสำคัญของศิลปะแนวอาร์ตนูโวที่เฟื่องฟูในยุโรปช่วงต้นศตวรรษที่ 20 พื้นหลังตกแต่งด้วยสำริดรวมถึงอาภรณ์ของคู่รักที่วาดด้วยสีน้ำมันบนทองเปลว บอกถึงความหลงใหลในงานโมเสกที่คลิมต์หันมาสร้างสรรค์ภาพวาดโดยมีทองเปลวเป็นองค์ประกอบสำคัญอยู่นับ 10 ปี หรือรู้จักในชื่อศิลปะยุคทองของคลิมต์
หญิงสาวอีกรายที่มีอิทธิพลต่อผลงานของคลิมต์ คือ "อาเดล บลอค เบาเออร์" สตรีสูงศักดิ์ผู้มาเป็นแบบให้เขาถึง 2 ครั้งใน ภาพเหมือนอาเดล บลอค เบาเออร์ หมายเลข 1 และหมายเลข 2 โดยผลงานหมายเลขหนึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นภาพวาดราคาแพงที่สุดในโลก หลังจากถูกขายไปในปี 2006 ด้วยราคาถึง 135 ล้านดอลลาร์
เนื่องในวันเกิดครบรอบ 150 ปีของ กุสตาฟ คลิมต์ พิพิธภัณฑ์ทั่วโลกต่างร่วมจัดงานรำลึกจิตรกรผู้ยิ่งใหญ่ พิพิธภัณฑ์หลายแห่งในออสเตรียที่มีการรวบรวมภาพถ่ายและจดหมายส่วนตัวของศิลปินมาจัดแสดง จนถึงการประกวดคนหน้าเหมือนบุคคลในภาพ The Kiss ขณะที่หอศิลป์นูแกลอรีในนิวยอร์ก ได้จัดแสดงภาพวาดชื่อดังและภาพถ่ายของคลิมต์และเอมิลี โฟลเก่ที่ไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณชนมาก่อน