รัสเซียขวางมติสหประชาชาติใช้กำลังแทรกแซงซีเรีย
นายเซอร์ไก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวก่อนเข้าหารือกับนายโคฟี่ อันนัน ทูตพิเศษสหประชาชาติและสันนิบาตอาหรับเกี่ยวกับความขัดแย้งในซีเรีย โดยนายลาฟรอฟ ระบุว่า ชาติตะวันตกใช้วิธีแบล็คเมล์ หรือหลอกตลบหลังเพื่อให้คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติออกมติที่สามารถใช้กำลังเข้าแทรกแซงความขัดแยังในซีเรีย
เวลานี้มีร่างมติสหประชาชาติอยู่ 2 ฉบับแข่งกัน คือระหว่างร่างของรัสเซีย และอังกฤษ ซึ่งชาติตะวันตกสนับสนุนร่างมติของอังกฤษ โดยร่างขอ่งอังกฤษนี้ออกตามความในข้อบทที่ 7 ของกฏบัตรสหประชาชาติ ซึ่งให้เวลารัฐบาลซีเรีย 10 วันทำการถอนทหารทั้งหมดออกจากเขตชุมชนทั่วประเทศ และหากรัฐบาลซีเรียไม่ทำตามก็จะถูกคว่ำบาตรที่ไม่มีการใช้กำลัง อย่างไรก็ตามภายใต้เนื้อหาของข้อบทที่ 7 นี้สามารถนำไปสู่การใช้มาตรการทางทหารได้ในที่สุด
รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียขู่กลับว่า ถ้าเป็นแบบนี้ รัสเซียก็จะยกมือยับยั้ง หรือวีโต้ การขยายเวลาปฏิบัติหน้าที่ทหารสังเกตการณ์ของสหประชาชาติในซีเรีย ซึ่งจะหมดลงในวันศุกร์นี้ ออกไปอีก 90 วัน รัสเซียอ้างว่า นายบาชาร์ อัล อัสซ๊าด ประธานาธิบดี อยู่ในอำนาจได้ และควรจะอยู่ต่อไปเพราะมีชาวซีเรียอีกจำนวนมากสนับสนุน ซึ่งจุดยืนของรัสเซียแบบนี้ที่ทำให้แผนสันติภาพของนายอันนันล้มเหลวลงอย่างสิ้นเชิง เพราะฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรียก็ยืนกรานว่าจะไม่ยอมเจรจาใดๆ จนกว่านายอัสซ๊าดจะพ้นไปจากอำนาจเสียก่อน เหตุที่รัสเซียคัดค้านกฏบัตรสหประชาชาติข้อบทที่ 7 นั้นก็เพราะเกรงว่าจะนำไปสู่กรณีเดียวกับลิเบีย ซึ่งมาตรการทางทหารโดยอ้อมทำให้พันเอกโมฮัมมากัดดาฟีพ้นอำนาจ
ด้านสถานการณ์ภายในซีเรียเวลานี้ปรากฏว่าได้เกิดการต่อสู้กันอย่างดุเดือดภายในกรุงดามัสกัส ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าความรุนแรง 16 เดือนที่ผ่านมาได้ขยายเข้ามาในเมืองหลวงแล้ว