กทม.มั่นใจ สถานการณ์มือเท้าปากไม่รุนแรง-ควบคุมได้
นพ.วงวัฒน์ ลิ่วรัตน์ ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคติดต่อสำนักอนามัย กทม. บอกว่า สถานการณ์โรคมือเท้าปากใน กทม. ไม่รุนแรง เกิดขึ้นตลอดทั้งปีและไม่แตกต่างจากปีที่ผ่านมา
ขณะนี้ในเขต กทม. ตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 16 ก.ค. ที่ผ่านมา พบผู้ป่วยแล้ว 2,322 คน สูงกว่าปีที่ผ่านมาเล็กน้อย แต่ยังไม่มีผู้เสียชีวิตและส่วนใหญ่เป็นเด็กแรกเกิดถึง 4ปี ร้อยละ 87 ขณะนี้มีโรงเรียนในพื้นที่กทม.ปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันแล้วจำนวน 22 แห่งแต่ได้เปิดการเรียนการสอนแล้ว 19แห่ง เหลืออีก 3 แห่งที่ยังปิดเรียน โดยส่วนใหญ่เด็กที่ป่วยมีประมาณ 7-20 คน ทั้งนี้เชื่อว่าภายใน 2-3 เดือนนี้ จะควบคุมสถานการณ์ได้
สำหรับมาตรการเฝ้าระวัง คือ ให้ทุกโรงเรียน และศูนย์รับเลี้ยงเด็กเล็ก หากพบเด็กป่วยโรคมือเท้าปาก ต้องรายงานไปยังศูนย์บริการสาธารณสุขที่อยู่ใกล้ จากนั้นกทม.จะส่งทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว เข้าไปตรวจสอบโรคทันที นอกจากนี้ยังให้ครู คัดกรองเด็กที่ต้องสงสัย และให้ทำความสะอาดเครื่องใช้และของเล่น รวมถึงล้างมือให้สะอาด
และในวันนี้(18 ก.ค.) รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เรียกประชุมผู้อำนวยการสำนักการศึกษา หัวหน้าฝ่ายการศึกษา ผู้อำนวยการเขต และสำนักสิ่งแวดล้อม เพื่อประเมินสถานการณ์โรคมือเท้าปาก
ขณะที่สถานการณ์ทั่วประเทศ เจ้าหน้าที่ด่านสากลห้วยโก๋น อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อรถยนต์ที่ผ่านเข้าออก เป็นมาตรการเฝ้าระวังการระบาดของโรคมือเท้าปาก หลังพบผู้ป่วยแล้ว 193 คน ในจำนวนนี้มีอาการรุนแรง 1 คน แต่รับการรักษาจนเป็นปกติแล้ว
ส่วนที่จังหวัดเชียงใหม่ ล่าสุดพบเด็กโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งป่วยเป็นโรคมือเท้าปาก ซึ่งได้ประกาศหยุดเรียนแล้ว และเร่งตรวจสอบโรงเรียนทุกแห่ง หลังได้รับการร้องเรียนว่า มีเด็กนักเรียนป่วยแต่ทางโรงเรียนไม่ยอมปิดเรียน
ในพื้นที่สำนักงานป้องกันและควบคุมโรคที่ 9 การระบาดของโรคมือเท้าปาก ตั้งแต่ต้นปีมีจำนวน 473 คน โดยเฉพาะจังหวัดพิษณุโลกพบผู้ป่วยสูงสุด 176 คน ที่สำคัญผู้ป่วยมีทุกช่วงอายุ และบางรายไม่แสดงอาการชัดเจน
สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โรงเรียนอนุบาลเปรมชนก อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี เร่งทำความสะอาดห้องเรียน และของเล่น หลังพบเด็กอนุบาลป่วย 15 คน และปิดเรียน 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด โดย จ.อุบลราชธานี พบการระบาดของโรคมือเท้าปากแล้ว 22 อำเภอ จากทั้งหมด 25 อำเภอ ผู้ป่วย 338 คน แต่ยังไม่มีรายงานการเสียชีวิต
ส่วนที่จังหวัดนครศรีธรรมราช โรงเรียนแห่งหนึ่งได้เปิดเรียนเป็นวันแรก หลังปิดทำความสะอาดนานกว่าสัปดาห์ เพราะพบเด็กป่วยโรคมือเท้าปาก 3 คน แต่ผู้ปกครองหลายคนยังไม่มั่นใจ จึงมีนักเรียนมาเรียนบางตา
เช่นเดียวกับ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในจังหวัดสงขลาและสตูล ให้เด็กใช้เจลล้างมือ และทำความสะอาดอุปกรณ์ส่วนตัว เพื่อป้องกันการติดเชื้อโรค สำนักงานป้องกันและควบคุมโรคที่12 ระบุว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม พบผู้ป่วยเป็นโรคมือเม้าปาก จำนวน 1 พัน 100 คน แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต โดยจังหวัดสงขลา มีผู้ป่วยมากที่สุด